(0)
พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ ปวเรศ 2 วัดบวรฯ ปี 30








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ ปวเรศ 2 วัดบวรฯ ปี 30
รายละเอียดพระกริ่ง พระชัยวัฒน์ ปวเรศ 2 ปี 2530 สวยงาม ราคาเบา ๆ ครับ ครบชุดทั้งพระกริ่ง พระชัย และกล่องเดิม ๆ จากวัดครับ


พระกริ่งปวเรศ ๓๐ ซึ่งเป็นคำเรียกสั้นๆ ง่ายๆ ของ พระกริ่งปวเรศ รุ่น ๒ ที่จัดสร้างขึ้นโดย วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อปี ๒๕๓๐ ชั่วโมงนี้ มีการเช่าหาบูชาพระกริ่งรุ่นนี้กันอย่างกว้างขวาง มีวงเงินหมุนเวียนหลายสิบล้านบาทเลยทีเดียว

ส่วนหนึ่งของกระแสความศรัทธาเลื่อมใสใน พระกริ่งปวเรศ ๓๐ มาจากพิธีเฉลิมฉลองในโอกาสมหามงคลทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๔๙ พสกนิกรชาวไทยต่างพากันสะสมของที่ระลึกทุกอย่างอันเกี่ยวเนื่องกับพระองค์ รวมทั้ง พระกริ่งปวเรศ ๓๐ รุ่นนี้ด้วย เพราะเป็นพระกริ่งที่ วัดบวรนิเวศวิหาร ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้จัดสร้างขึ้น เนื่องในโอกาสมหามงคลสมัยที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๕ รอบ (๖๐ พรรษา) เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๓๐

นอกจากนี้ ล้นเกล้าฯ ยังได้เสด็จฯ ทรงประกอบพิธีเททองหล่อปฐมมหามงคลฤกษ์ ณ บริเวณพระอุโบสถ วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อวันศุกร์ที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๒๘ จึงนับได้ว่า พระกริ่งปวเรศ ๓๐ รุ่นนี้มีส่วนเกี่ยวเนื่องกับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยตรง

พระกริ่งปวเรศ ที่ทรงประกอบพิธีเททองหล่อในวันนั้น มีจำนวน ๑๐ ช่อ ใน ๑ ช่อมีพระกริ่ง ๒๑ องค์ นอกจากนี้ยังมี พระชัยวัฒน์ปวเรศ อีก ๑๐ ช่อ ใน ๑ ช่อมีพระชัยวัฒน์ ๓๑ องค์

หลังจากนั้น ทางวัดนำก้านชนวนของพระกริ่งและพระชัยวัฒน์ทั้ง ๒๐ ช่อนี้ไปเป็น ชนวน หล่อหลอมกับเนื้อนวโลหะมงคลอีกจำนวนมาก เพื่อใช้ในการเททองหล่อพระกริ่งและพระชัยวัฒน์ต่อไป จนครบตามจำนวนที่กำหนดไว้ คือ ๒๕,๓๐๐ ชุด ประกอบด้วย พระกริ่ง ๒๕,๓๐๐ องค์ พระชัยวัฒน์ ๒๕,๓๐๐ องค์ (และมีเผื่อเสียอีกจำนวนหนึ่ง)

พระกริ่งพระชัยวัฒน์ที่หล่อในเวลาต่อมานั้น เจ้าประคุณสมเด็จพระญาณสังวร (สมณศักดิ์ในขณะนั้น) เป็นผู้ประกอบพิธีเททองหล่อติดต่อกันถึง ๙ วัน คือตั้งแต่วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์-๗ มีนาคม ๒๕๒๙ โดยมี พระอมรโมลี (เจ้าคุณอมรฯ สมณศักดิ์ในขณะนั้น ปัจจุบันคือ พระพรหมมุนี) เป็นผู้ควบคุมดูแลการหล่อพระ อาจารย์กิจจา วาจาสัจ เป็นผู้ดำเนินงาน และ ช่างประสิทธิ์ พรหมรักษ์ เป็นหัวหน้าคณะทำงานหล่อพระทั้งหมด

พระกริ่งพระชัยวัฒน์รุ่นนี้เป็นการเททองหล่อแบบดินไทย ซึ่งเป็นกรรมวิธีแบบโบราณ จึงมีความยุ่งยากสลับซับซ้อนมาก และเสียเวลากว่าการสร้างพระกริ่งสมัยใหม่ ที่สร้างด้วยวิธีฉีดเนื้อโลหะเหลวใส่แม่พิมพ์ ซึ่งต้องทำกันที่โรงงาน

พระกริ่งพระชัยวัฒน์ ที่สร้างด้วยวิธีหล่อแบบโบราณ จะได้องค์พระที่ไม่สวยคมชัดไปทั่วทั้งหมด ผิวพระบางองค์จะมีรูพรุนมากบ้างน้อยบ้าง จึงต้องมีการตกแต่งด้วยตะไบ ซึ่งทางวัดได้กำหนดให้คณะช่างที่ตกแต่งองค์พระ รวมทั้งการบรรจุ เส้นพระเจ้า ผงจิตรลดา ที่ได้รับพระราชทาน และ เม็ดกริ่ง ภายในวัดทั้งหมด โดยได้จัดห้องทำงานไว้ต่างหาก ห้ามไม่ให้ช่างนำองค์พระกลับไปตกแต่งที่บ้านโดยเด็ดขาด และเมื่อมีการเข้าออกห้องทำงาน จะมีการตรวจตราเป็นพิเศษอีกด้วย

เมื่องานตกแต่งองค์พระเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทางวัดได้ประกอบพิธีพุทธาภิเษกขึ้นถึง ๓ ครั้งด้วยกัน คือ

ครั้งที่ ๑ วันเสาร์ที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๒๙ ณ พระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร โดยมี สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นองค์ประธานในพิธี และสมเด็จพระญาณสังวร เป็นประธานพิธีอธิษฐานจิต มีพระคณาจารย์หลายท่านร่วมนั่งปรกอธิษฐานจิต

ครั้งที่ ๒ พิธีวันวิสาขบูชา วันพุธที่ ๒๑ และวันพฤหัสบดีที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๒๙ ณ พระอุโบสถ วัดบวรนิเวศวิหาร สมเด็จพระญาณสังวร เป็นประธานในพิธี

ครั้งที่ ๓ พิธีพุทธาภิเษกอย่างเป็นทางการ ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม วันอาทิตย์ที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๓๐ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ทรงเป็นองค์ประธานในพิธี สมเด็จพระสังฆราช (วาสน์) วัดราชบพิธฯ ทรงจุดเทียนชัย สมเด็จพระญาณสังวร เป็นประธานพิธีอธิษฐานจิต ร่วมกับพระภาวนาจารย์อีก ๓๖ รูป จากภาคต่างๆ ร่วมนั่งปรกอธิษฐานจิต

เมื่อเสร็จพิธีทั้งหมดแล้ว ทางวัดได้นำพระกริ่งพระชัยวัฒน์ ออกให้ศรัทธาสาธุชนทำบุญเช่าบูชาเป็นการกุศล ชุดละ ๕,๐๐๐ บาท ใน ๑ ชุดจะมีพระกริ่ง ๑ องค์ และพระชัยวัฒน์ ๑ องค์

เนื่องจากพระกริ่ง พระชัยวัฒน์ รุ่นนี้เป็นการสร้างด้วยวิธีเททองแบบโบราณดังกล่าว ทำให้เนื้อองค์พระไม่ราบเรียบ มีรูพรุนมากบ้างน้อยบ้าง พระส่วนใหญ่จึงด้อยความงาม ราคาเช่าบูชาชุดละ ๕,๐๐๐ บาท ในสมัยนั้นถือว่าแพงมาก แม้ว่าจะมีให้การผ่อนชำระได้ก็ตาม ความต้องการพระกริ่งชุดนี้ ในตอนนั้นจึงมีไม่มากนัก จะมีก็แต่ในหมู่ลูกศิษย์วัดบวรนิเวศวิหาร เท่านั้นที่รู้ถึงคุณค่า จึงต่างพากันทำบุญบูชา ตามแต่โอกาสและกำลังเงินจะอำนวยให้

อีกประการหนึ่ง ในตอนแรกที่มีดำริว่าจะมีการสร้าง พระกริ่งปวเรศ ๓๐ นั้น ทางวัดกำหนดจะสร้างพระเท่ากับจำนวนปี ๒๕๓๐ คือ ๒,๕๓๐ ชุด เท่านั้น แต่กระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นกรรมการร่วมอยู่โครงการนี้ด้วย ได้เสนอว่า

การสร้าง พระกริ่งปวเรศ ๓๐ รุ่นนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จำลอง (ถอดพิมพ์) จาก พระกริ่งปวเรศ องค์เดิม ที่สร้างขึ้นโดย สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่องค์หนึ่งที่ประดิษฐานอยู่ในพิพิธภัณฑ์วัดบวรนิเวศวิหาร ซึ่งโอกาสดีเช่นนี้มีไม่บ่อยนัก จำนวนพระ ๒,๕๓๐ ชุด คงจะไม่เพียงพอต่อความต้องการของศรัทธาญาติโยมเป็นแน่ จึงขอเสนอให้สร้างพระเพิ่มขึ้นเป็น ๒๕,๓๐๐ ชุด โดยกระทรวงมหาดไทย จะช่วยดำเนินการให้ทางจังหวัดและอำเภอทั่วประเทศ นำพระไปให้ประชาชนเช่าบูชาต่อไป

ทางวัดก็เห็นดีด้วย จึงกำหนดจำนวนสร้างพระขึ้นเป็น ๒๕,๓๐๐ ชุด แต่พอพระสร้างเสร็จ และประกอบพิธีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่ทราบด้วยเหตุใด ทางกระทรวงมหาดไทย ไม่ได้นำพระไปช่วยดำเนินการให้ประชาชนเช่าบูชาแต่ประการใด

นอกจากนี้ การสร้างพระกริ่งรุ่นนี้ ทางวัดไม่มีนโยบายในการประชาสัมพันธ์ทางสื่อใดๆ อีกด้วย จึงทำให้ประชาชนทั่วไปไม่ทราบข่าว

ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ พระกริ่งปวเรศ ๓๐ เหลือตกค้างอยู่ที่วัดมาเป็นเวลานานปี และเมื่อปีก่อน หน้าพระเครื่อง "คม ชัด ลึก" ได้เสนอข่าว พระกริ่งปวเรศ ๓๐ ไปครั้งหนึ่งแล้ว ทำให้ผู้อ่านหลายๆ ท่านได้ไปทำบุญเช่า พระกริ่งปวเรศ ๓๐ กันมากพอสมควร โดยทางวัดได้รับเงินทำบุญครั้งนั้นถึง ๕-๖ ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม พระกริ่งปวเรศ ๓๐ ก็ยังมีเหลืออยู่ที่วัดอีกจำนวนหนึ่ง ต่อมาเมื่อ ๒-๓ เดือนที่ก่อนหน้านี้ สื่อหนังสือพิมพ์รายวัน รวมทั้งคอลัมน์ "คมเลนส์ส่องพระ-คม ชัด ลึก" ก็ได้ลงข่าวเรื่อง พระกริ่งปวเรศ ๓๐ อีกครั้งหนึ่ง

ประจวบกับเป็นโอกาสมหามงคล ที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี ทำให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าตื่นตัวในการแสวงหาและสะสมของที่ระลึกทุกอย่างที่ เกี่ยวเนื่องพระองค์ท่าน รวมทั้ง พระกริ่งปวเรศ ๓๐ รุ่นนี้ด้วย จึงต่างพากันไปเช่าบูชา พระกริ่งปวเรศ ๓๐ ที่มูลนิธิมหามกุฏฯ หน้าวัดบวรนิเวศวิหาร กันอย่างเนืองแน่น จนเกิดเหตุมี พระกริ่งปลอม สอดแทรกเข้ามาด้วย และได้มีการแจ้งความกันขึ้น ดังที่เป็นข่าวมาแล้ว และเมื่อเป็นข่าวขึ้นมา ทางวัดก็ได้สั่งปิดการให้เช่าบูชาพระกริ่งทันที เพื่อจะสอบสวนหาคนทำผิดต่อไป

ขณะเดียวกัน ก็ได้ทำให้ผู้ที่ยังไม่มี พระกริ่งปวเรศ ๓๐ เกิดความต้องการกันมากยิ่งขึ้น จนมีการเช่าบูชากันต่อในราคาที่แพงขึ้นเป็นชุดละ ๗,๐๐๐-๘,๐๐๐ บาท และล่าสุดเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมานี้ มีการเช่าบูชา พระกริ่งปวเรศ ๓๐ กันถึงชุดละ ๑๘,๐๐๐ บาท ไปจนถึง ๕ หมื่นบาท ในองค์ที่สวยคมชัดมากๆ

แม้ว่าจะมี พระกริ่งปลอม ออกมา แต่ผู้ที่เคยเห็น พระกริ่งแท้ มาแล้วก็สามารถแยกกันได้ออก เพราะ พระกริ่งปลอม สร้างโดยการถอดพิมพ์มาจาก พระกริ่งแท้ องค์พระจึงหดเล็กกว่ากัน และเมื่อใส่ลงใน ร่องพระ ของกล่องพระสีแดง (หน้ากล่องมีพระปรมาภิไธย "ภ.ป.ร.") ก็จะหลวม ไม่คับแน่นเหมือน พระกริ่งแท้

และเนื่องจาก พระกริ่งปลอม สร้างโดยวิธีฉีด ผิวองค์พระจึงมีลักษณะตึง ราบเรียบ ไม่มีรูพรุน และไม่มีรอยตะไบ ตกแต่งองค์พระ เหมือนกับ พระกริ่งแท้

นอกจากนี้ โค้ดเลข ๕ ที่ตอกตรงฐานข้างบัวหลังองค์พระกริ่ง และใต้ฐานองค์พระชัยวัฒน์ ก็ไม่เหมือนกัน

พระกริ่งปลอม บางองค์เป็น โค้ดในตัว ที่หล่อติดมากับองค์พระ จึงไม่มี รอยตอก เหมือนกับ พระกริ่งแท้

ส่วนใต้ฐาน พระกริ่งปลอม จะมีรอยเจาะรูเพื่อใส่เม็ดกริ่ง ปรากฏเป็น รอยวงกลมเล็ก ขนาดประมาณ ๐.๕ ซม. แต่ พระกริ่งแท้ ไม่มีรอยวงกลม เพราะเป็นการปิดใต้ฐานด้วย วิธีเข้าไม้ คือ นำเนื้อนวโลหะชนิดเดียวกับเนื้อพระกริ่ง ตัดเป็นแผ่นบาง ขนาดเกือบเท่ากับฐานพระกริ่ง แล้วตีประกบเข้ากับรอยร่องที่บรรจุเส้นพระเจ้า (พระเกศาของในหลวง) ผงจิตรลดา และเม็ดกริ่ง ซึ่งเป็นร่องแบบพระบูชา แผ่นนวโลหะที่ตีประกบร่องนี้จะสนิทแน่นจนแทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน และหากจะมีร่องรอยบ้าง ก็จะมีขนาดใหญ่ขนานไปกับขอบฐานของพระกริ่ง



พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ปวเรศ' ปี 2530 เฉลิมพระชนมพรรษา ครบ 5 รอบนักษัตร
สำหรับใบ “สูจิบัตร” เพื่อประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ประชาชนบูชา “พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ปวเรศ” ได้ระบุว่า “พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ปวเรศ” วัดบวรนิเวศวิหารจัดสร้างโดยกรรมวิธีเททองหล่อแบบ “โบราณของไทย” ที่สืบทอดกันมาถึงปัจจุบันและทำพิธีเททองหล่อพระทั้งหมดใน วัดบวรนิเวศวิหาร รวมทั้งตกแต่งองค์พระทั้งหมดที่ วัดบวรนิเวศวิหาร เช่นกันภายใต้การควบคุมอย่างใกล้ชิดของ “คณะกรรมการ” ซึ่งในเบื้องแรกที่ทำการตกแต่งมิได้ “ขัดผิวองค์พระกริ่ง” คือคงสภาพผิวองค์พระไว้ตามสภาพเดิมที่เททองหล่อพระเสร็จแล้ว ดังนั้นผิวองค์พระตามธรรมชาติจึงมีจำนวนหนึ่งที่ “ผิวไม่เรียบ” จึงต้องให้ช่างทำการตกแต่งขัดผิวองค์พระใหม่อีกครั้งเท่านั้นโดยมิได้มีการ “หล่อพระเสริม” เพิ่มเติมแต่อย่างใดทั้งสิ้น

จากถ้อยคำที่ระบุไว้อย่างชัดเจนในใบสูจิบัตรดังกล่าวจึงเป็นคำยืนยันอย่างดีของ วัดบวรนิเวศวิหาร ถึงการจัดสร้างพระที่หล่อขึ้นมาทั้งหมดโดยประกอบพิธีการจัดสร้างด้วยพิธีเสด็จพระราชดำเนินทรงเททองหล่อเป็น “ปฐมฤกษ์” หลังจากนั้น ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระญาณสังวรฯ จึงจัดพิธีเททองหล่อพระเพื่อให้ครบตามจำนวนเมื่อต้นปี พ.ศ. ๒๕๒๙ โดยต้องใช้เวลาถึง ๙ วัน จึงได้พระครบ ตามจำนวนและหลังจากผ่านพิธีพุทธาภิเษกจึงเปิด ให้ประชาชนที่สนใจบูชาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๐
ดังได้กล่าวมาแล้ว แต่เนื่องจากการเปิดให้บูชาในครั้งแรกนั้น วัดบวรนิเวศวิหาร ไม่ได้ทำการโฆษณาประชาสัมพันธ์ใด ๆ จะมีก็เพียง “สูจิบัตร” ที่บันทึกรายละเอียดการจัดสร้างดังกล่าวข้างต้นที่มอบให้พร้อมกับองค์พระ ประกอบกับในปี พ.ศ. ๒๕๓๐ ได้มีการกำหนดราคาค่าบูชาชุดละ “๕,๐๐๐ บาท” (พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์) ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ “ค่อนข้างสูง” สำหรับการสร้าง “พระใหม่” ในขณะนั้นด้วยเหตุนี้ จึงทำให้มีพระเหลือเป็นจำนวนมากเพราะราคาเช่าบูชา “ค่อนข้างสูง” นั่นเองเลยเป็นเหตุให้พวกปากอัปมงคลกล่าวหาว่า วัดบวรนิเวศฯ ทำการหล่อเสริมขึ้นทุกปีเป็นเหตุให้ผู้ไม่ทราบความจริงเกิดการสับสนดังนั้นในช่วงแรกที่เปิดให้บูชา “พระกริ่ง” รุ่นนี้จึงไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควรทั้งที่เป็น “พระกริ่งสุดยอดเยี่ยม” ในทุกเรื่องทั้ง “เจตนาการสร้าง” พร้อม

“เนื้อหามวลสาร” และ “พิธีการปลุกเสก”

ผู้เขียนจึงขอยืนยันอีกครั้งว่า “พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ปวเรศ ปี ๒๕๓๐” ที่สร้างครั้งนี้ไม่มีการ “หล่อเสริม” แต่อย่างใดทั้งสิ้นเพราะเรื่องการขอ “พระราชทานพระบรมราชานุญาต” ในการจัดสร้างวัตถุมงคลรุ่น “สำคัญ” อย่าง “พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ปวเรศ ปี ๒๕๓๐” ที่มีการระบุจำนวนไว้ชัดเจนแล้วและพอ “พระหมด” ไม่ว่าจะจากการให้บูชาหรือ
“จ่ายแจก” แล้วจะมาทำการ “สร้างเสริม” เพิ่มเติมภายหลังโดยไม่ทำการขอ “พระบรมราชานุญาต” นั้นถือเป็นความผิด “อาญาแผ่นดิน” จึงไม่ใช่เรื่องที่จะนำมาเล่นกันสนุกตามที่พวกปากอัปมงคลกล่าวหาไว้จึง ขอให้ทุกท่านที่ “อ่านความจริง...อ่านเดลินิวส์” เข้าใจตามเหตุตามผลที่ยกมากล่าวนี้

ดังนั้น “พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ปวเรศ ปี ๒๕๓๐” หรือรุ่น “๕ รอบนักษัตร” จึงนับเป็นพระกริ่งและพระชัยวัฒน์ที่ทรงคุณค่ายิ่งซึ่งแม้ปัจจุบัน “มูลค่าความนิยม” จะลดลงตามสภาวะของเศรษฐกิจและการเมืองรวมทั้งภาวะอื่น ๆ อีกหลาย ๆ ภาวะที่เป็นปัจจัยให้ “พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ปวเรศ ๕ รอบนักษัตร” ที่เคยได้รับความนิยมสูงสุดก่อนจะมีการ “ปฏิวัติรัฐประหาร” ยึดอำนาจการปกครองในปี ๒๕๔๙ ดังเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วแต่ “ผู้เขียน” กลับถือว่าเป็น “เรื่องดี” เสียอีกเพราะนับเป็นโอกาสดีของนักนิยมสะสมพระเครื่อง ตลอดทั้งผู้ที่ศรัทธาในพระบารมีพระมหากรุณา ธิคุณของล้นเกล้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช จะได้มีโอกาสได้ครอบครอง

“พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ปวเรศ” รุ่นนี้ในมูลค่าการสะสม ที่ไม่แพงจน “เกินความเป็นจริง” เนื่องจากก่อนหน้านี้ราคาได้พุ่งทะลุสูงกว่าราคาเดิม “กว่าสิบเท่าตัว” ในองค์สภาพ “พอสวย” แต่หากเป็นองค์ที่ “สภาพสวยเดิม ๆ” แล้วมีการกำหนดราคาสูงกว่าราคาเดิม “กว่ายี่สิบเท่าตัว” ก็มีมาแล้วฉะนั้นเมื่อช่วงนี้ราคาลดลงไปตามภาวะดังกล่าวข้างต้น จึงเหมาะมากที่จะหามาบูชาเพราะราคาในปัจจุบันก็เปรียบได้ดั่งในยุคที่ประเทศไทยอยู่ในช่วง “ฟองสบู่ยังไม่แตก” บ้านเรือนที่อยู่อาศัยที่เป็น “อสังหาริมทรัพย์” ในรูปของ “บ้านเดี่ยว, บ้านแฝด, ทาวน์เฮาส์, ที่ดินเปล่า, ตึกแถว, คอนโดมิเนียม ฯลฯ” ราคาการซื้อขายแสน “แพงระยับ” ชนิดคนจนไม่มีสิทธิที่จะหยิบจะจับ จะซื้อแม้ว่าเป็นการซื้อด้วยระบบ “เงินผ่อน” ก็ตามอยากได้ก็หมดทางซื้อและต่อมาเมื่อประเทศไทยตกอยู่ในช่วง “ฟองสบู่แตก” ราคาการซื้อการขายบ้านที่ดินสำหรับอยู่อาศัยที่เป็น “อสังหาริมทรัพย์” ทุกชนิดเหล่านั้นต่างราคา “ตกวูบวาบ” กลายเป็น “ของดีราคาถูก” ผู้ที่มีเงินน้อยมีโอกาสได้มีบ้านหลังดีหลังงามหลังใหญ่กับเขาบ้างฉันใดก็ฉันนั้น “พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ปวเรศ” รุ่น “๕ รอบนักษัตร” ซึ่งเป็นวัตถุมงคลชั้นดีอุดมด้วยสิริมงคลอย่างสูงสุดเมื่อมูลค่าการสะสม (ราคา) ลดลงจึงเหมาะกับผู้ต้องการที่จะหามาบูชาเพราะ “พระพุทธคุณ” และความเป็น “สิริมงคล” มิได้ลดน้อยถอยลงแต่ประการใด

เพราะ “พระกริ่งปวเรศ” รุ่นนี้มีการบรรจุ “ผงจิตรลดา” และ “เส้นพระเจ้า” จึงถือเป็น “วัตถุมงคล” ระดับมงคลสูงสุดที่จะหาที่ใด “ในโลกนี้” ไม่มีอีกแล้วอีกทั้งเป็น “พระกริ่ง” ที่มีคุณลักษณะพิเศษเป็นเอกไม่เหมือนใครโดยเฉพาะเส้นพระเจ้าพระราชทานให้อัญเชิญมาบรรจุในองค์ “พระกริ่งปวเรศ” นี้นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่
อันหาที่สุดมิได้ที่ “พระองค์” พระราชทานให้กับ “พสกนิกรของพระองค์” หากจะเปรียบกับยุคสมัยก่อน ลูกผู้ชายชาติทหารหาญ เวลาจะออกรบทำศึกสงคราม “ปกป้องผืนปฐพี” ก็มักจะหาเครื่องรางของขลังต่าง ๆ เป็นเครื่องป้องกันตัวเป็น “ขวัญและ กำลังใจ” เมื่อหาอะไรไม่ได้ก็ขอ “เส้นผมคุณพ่อ-คุณแม่” หรือ “ฟันคุณพ่อ-คุณแม่” และ “เล็บ คุณพ่อ-คุณแม่” แม้กระทั่ง “ชายผ้าถุงคุณแม่ ชายผ้านุ่งคุณพ่อ” มาเป็น “เครื่องรางของขลัง” อันศักดิ์สิทธิ์และประเสริฐสุดเพื่อ “ปกป้องคุ้มครองภัย” และ “เป็นขวัญกำลังใจ” กับการต่อสู้ปกป้อง ผืนแผ่นดินเกิด

ฉันใดก็ฉันนั้น “เส้นพระเจ้า” ก็ดุจเดียวกันประการสำคัญเป็นเส้นพระเจ้าของ “พ่อแห่งแผ่นดิน” ที่คนไทยทุกผู้ทุกหมู่เหล่าและทุกเชื้อชาติศาสนาต่างรักและเทิดทูน “พระองค์” เหนือสิ่งอื่นใดผู้เขียนจึงมั่นใจที่จะสรุปได้ว่านับตั้งแต่ประเทศไทยเรามีการจัดสร้าง “พระกริ่ง” ขึ้นมามากมายนับ “พัน ๆ รุ่น” รวมทั้งในอนาคตหากจะมีการสร้างให้ได้อย่าง “พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ปวเรศ” รุ่น “๕รอบนักษัตร” นี้บอกได้คำเดียวว่า “ไม่มีอีกแล้ว”.
ราคาเปิดประมูล10,000 บาท
ราคาปัจจุบัน30,000 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ100 บาท
วันเปิดประมูล - 02 ต.ค. 2556 - 11:02:20 น.
วันปิดประมูล - 08 ต.ค. 2556 - 00:29:54 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลankoon (1.7K)


(0)
ข้อมูลเพิ่มเติม 1 - 07 ต.ค. 2556 - 00:38:46 น.



ดูชัดๆครับ


 
ราคาปัจจุบัน :     30,000 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     100 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    flowersmann (391)

 

Copyright ©G-PRA.COM