(0)
เหรียญหลวงปู่วิเวียร วัดดวงเเข รุ่นแรก สวยมาก






รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องเหรียญหลวงปู่วิเวียร วัดดวงเเข รุ่นแรก สวยมาก
รายละเอียดพระวิมลธรรมภาณ (ฐิตปุญญเถร หลวงปู่วิเวียร บุญมาก)
วัดดวงแข กรุงเทพมหานคร
ชาติภูมิและการศึกษาเบื้องต้น

ท่านเจ้าคุณพระวิมลธรรมภาณ มีนามเดิมว่า สังเวียน บุญมาก กำเนิด ณ บ้านหมู่ที่ 8 ตำบลบ้านแก่ง อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2464 ตรงกับวันพุธ ขึ้น 10 ค่ำ เดือน 12 ปีระกา โยมบิดาชื่อ กริ่ม บุญมาก โยมมารดาชื่อ พริ้ง บุญมาก มีพี่น้องรวมด้วยกัน 6 คน คือ

1. นางขาว เหมพิจิตร
2. นางสาวละออง บุญมาก
3. นางน้ำค้าง บุญมาก
4. นางน้ำผึ้ง บุญมาก
5. พระพรหมมุนี (ปุญญารามเถร หลวงปู่วิชมัย บุญมาก) วัดบวรนิเวศวิหาร
6. พระวิมลธรรมภาณ (ฐิตปุญญเถร หลวงปู่วิเวียร บุญมาก) วัดดวงแข

เมื่อเยาว์วัยได้รับการศึกษาเบื้องต้น ณ โรงเรียนประชาบาลวัดบ้านแก่ง อันเป็นวัดใกล้บ้านจนจบชั้นประถมปีที่ 4 แล้วได้ทำการศึกษาต่อจนจบวิชาครูเกษตรกรรมที่จังหวัดนครสวรรค์ ครั้น พ.ศ. 2482 ได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เมื่ออายุได้ 18 ปีและได้ทำการบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดดวงแข โดยมีเจ้าพระคุณสมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ (ต่อมาได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์) วัดบวรนิเวศวิหารเป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2482 เมื่อบรรพชาเป็นสามเณรแล้วได้อยู่จำพรรษาที่วัดดวงแข ศึกษาพระปริยัติธรรมและสอบไล่ได้นักธรรมโทเมื่อ พ.ศ. 2484

อุปสมบทและการศึกษาวิชาวิปัสสนากัมมัฎฐานพระเวทวิทยาคม

พ.ศ. 2484 อายุครบอุปสมบท ได้อุปสมบทที่วัดดวงแข โดยเจ้าพระคุณสมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ วัดบวรนิเวศ ทรงเป็นพระอุปฌาย์ พระสุพจนมุนี (ต่อมาได้รับสถาปนาขึ้นเป็นพระพรหมมุนี สุวจเถรผิน ธรรมประทีป) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระปลัดรัตน์ (ต่อมาได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระญาณวิสุทธิเถร) วัดดวงแขเป็นพระอนุสาวนาจารย์ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2484 และในคราวอุปสมบทนี้เองได้เปลี่ยนชื่อจากสังเวียน มาเป็นวิเวียรสืบมา หลังจากอุปสมบทแล้วได้ทำการสอบบาลีประโยค 3 แต่ปรากฏว่าสอบตกจึงได้เดินทางกลับบ้านเกิดที่จังหวัดนครสวรรค์ โดยเข้าพักอาศัยอยู่กับท่านพระครูนิวุตถ์พรหมจรรย์ (หลวงพ่ออยู่) เจ้าอาวาสวัดบ้านแก่งหรือบิดาบุญธรรม และนี่คือวิถีชีวิตของหลวงปู่ที่ได้เปลี่ยนแปลงใหม่เมื่อเสียใจกับการสอบตกในการสอบบาลี หลวงพ่ออยู่ก็เลยให้หันเหชีวิตมาในแนวทางปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฎฐานศึกษาพระเวทย์วิทยาคมจากหลวงพ่ออยู่แทนจนสำเร็จ (หลวงพ่ออยู่ วัดบ้านแก่งเป็นศิษย์เอกของ 3 พระอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในสมัยก่อนคือศิษย์ของท่านพระครูวิมลคุณากรหรือหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จังหวัดชัยนาท พระครูพิสิสถสมถคุณหรือหลวงปู่เฮง วัดเขาดิน จังหวัดนครสวรรค์ และพระครูนิวาสธรรมขันธ์หรือหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จังหวัดนครสวรรค์) วิชาของ 3 พระอาจารย์นี้หลวงพ่ออยู่ วัดบ้านแก่งได้ถ่ายทอดให้หลวงปู่วิเวียรจนหมดสิ้น ตำราพระเวทย์เหล่านี้หลวงปู่วิเวียรได้เคยเล่าให้ฟังว่าปัจจุบันนี้ยังอยู่ที่วัดบ้านแก่ง จังหวัดนครสวรรค์ หลวงปู่ได้เดินทางขึ้น-ล่องระหว่างวัดดวงแข กับวัดบ้านแก่งเวลาเข้าพรรษาจะอยู่ที่วัดดวงแข พอออกพรรษาจะมาอยู่ที่วัดบ้านแก่งเพื่อศึกษาพระเวทย์ต่างๆ กับหลวงพ่อตั้งแต่ พ.ศ. 2485 ถึง พ.ศ. 2491 ซึ่งเป็นปีที่หลวงพ่ออยู่มรณภาพ

หลวงพ่ออยู่เกิดเมื่อ พ.ศ. 2419 มรณภาพ พ.ศ. 2491 สมณศักดิ์ครั้งสุดท้ายของหลวงพ่ออยู่คือ พระครูนิวุตถ์พรหมจรรย์ รวมอายุได้ 72 ปีเศษ เมื่อจัดการงานศพของหลวงพ่ออยู่เสร็จแล้วหลวงปู่ก็ได้เดินทางกลับมา วัดดวงแขเพื่อทบทวนพระเวทย์วิทยาต่างๆ จนถึงประมาณปี พ.ศ. 2495 หลวงปู่เล่าให้ฟังว่าในวันหนึ่งมีพระภิกษุชรารูปหนึ่งได้เดินเข้ามาในวัดดวงแข และได้มาขออนุญาตพัก 1 คืน วันรุ่งขึ้นจะนั่งรถไฟเดินทางไปจังหวัดนครราชสีมา หลวงปู่ก็จัดที่พักให้ที่ศาลาสูง (ปัจจุบันรื้อไปแล้ว) หลวงปู่ก็จัดการกวาดวัดต่อไปจนเวลาประมาณเกือบ 2 ทุ่ม หลวงปู่กวาดวัดเสร็จก็สรงน้ำเพื่อที่จะสวดมนต์ทำวัตร พระภิกษุชรารูปนั้นก็ได้กวักมือเรียกหลวงปู่ไปพบบอกว่าเดี๋ยวสวดมนต์ทำวัตรด้วยกัน เมื่อทั้งสองรูปพร้อมแล้วพระภิกษุชรารูปนั้นก็บอกว่าปลงอาบัติก่อนผมก็เป็นพระธรรมยุติเหมือนกับท่านบวชมาตั้งแต่เป็นเณร เมื่อปลงอาบัติเสร็จแล้วก็เริ่มสวดมนต์กันจนจบหลวงปู่บอกว่าพระภิกษุชรารูปนี้สวดมนต์ได้เพราะมากอักขระชัดเจนสวดเก่งมาก เมื่อสวดมนต์เสร็จแล้วก็ให้นั่งกัมมัฏฐาน กันนั่งอยู่ได้ประมาณครึ่งชั่วโมง พระภิกษุรูปนั้นก็สั่งให้หยุดนั่ง และสอบถามประวัติหลวงปู่ว่าใครอบรมสั่งสอนวิชาวิปัสสนากัมมัฏฐานให้ หลวงปู่บอกว่าท่านพระครูนิวุตถ์พรหมจรรย์ (หลวงพ่ออยู่) วัดบ้านแก่งจังหวัดนครสวรรค์สอนให้ พระภิกษุชรารูปรูปนั้นก็ยกมือขึ้นไหว้แล้วพูดว่าท่านหลวงพ่ออยู่นี้เก่งมากอบรมศิษย์ได้ถึงขนาดนี้ แล้วพระภิกษุชรารูปนั้นก็บอกว่าตัวของท่านคือพระอาจารย์สิงห์แห่งโคราช

เมื่อหลวงปู่ทราบก็ก้มลงกราบเท้าพระอาจารย์สิงห์ขอขมาท่านที่ไม่ทราบว่าท่านคือใคร พระอาจารย์สิงห์เลยบอกให้หลวงปู่ไปจัดดอกไม้ธูปเทียนผ้าขาวน้ำเปล่าอีก 1 แก้ว มาเมื่อหลวงปู่จัดเครื่องเหล่านี้มาแล้ว พระอาจารย์สิงห์ก็ให้หลวงปู่ถวายท่านเพื่อทำการศึกษาวิชาพระเวทย์วิทยาต่าง ๆ และได้อบรมสั่งสอนวิปัสสนากัมมัฏฐานต่อจนสำเร็จในวิชาของท่านพระอาจารย์สิงห์ ในครั้งนั้นพระอาจารย์สิงห์ได้อยู่พักที่วัดดวงแข 10 วัน ได้สอนให้หลวงปู่เขียนอักขระเลขยันต์ต่าง ๆ มากมาย

หลวงปู่บอกว่าวิชากัมมัฏฐานของพระอาจารย์สิงห์นั้นเป็นวิชาที่ลึกซึ้งมากต้องใช้เวลานานกว่า 5 ปี ถึงเข้าใจในสิ่งต่าง ๆ ที่ท่านแนะนำมา ในระหว่างที่ศึกษาอยู่กับพระอาจารย์สิงห์นั้นพระอาจารย์สิงห์ได้เล่าให้ฟังถึงเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับพระอาจารย์มั่น และพระอาจารย์ต่าง ๆ ถ้าหากว่าหลวงปู่เดินทางผ่านไปก็ให้ไปกราบพบครูบาอาจารย์เหล่านั้นได้ เมื่อพระอาจารย์สิงห์เดินทางกลับไปจังหวัดนครราชสีมาแล้ว หลวงปู่ก็ได้พบกับพระอาจารย์สิงห์อีกหลายครั้งด้วยกันที่วัดบรมนิวาส และที่วัดปทุมวนาราม จ. กทม. และที่ต่างจังหวัดอีกหลายครั้ง และเคยร่วมธุดงค์ไปกับพระอาจารย์สิงห์ถึงประเทศลาว ต่อมาในปี พ.ศ. 2500 เศษหลวงปู่ได้ถูกนิมนต์ไปนั่งสวดพุทธาภิเศกที่วัดบวรนิเวศวิหา รและได้ไปพบกับหลวงพ่อโด่ วัดนามะตูม จังหวัดชลบุรี ที่มานั่งปรกปลุกเสกที่วัดบวรนิเวศวิหารและหลวงปู่ได้เคยไปศึกษาวิชาการลบผงจากหลวงพ่อโด่ หลวงพ่อโด่บอกว่าถ้ามีเวลาให้ไปกราบพบพระอาจารย์ท่านหนึ่งที่มีความรู้ความสามารถเก่งมากคือหวงปู่ทิม วัดระหารไร่นันเอง แต่หลวงปู่ไม่เคยได้ไปกราบพบหลวงปู่ทิมเลยแต่ก็ให้ความเคราพนับถือหลวงปู่ทิมมาร่วมพิธีทุกครั้งไป

หลวงปู่เล่าไปให้ฟังว่าหลวงพ่อโด่เก่งมาก ปลุกเสกพระหรือปลัดถึงกับลอยได้วิ่งได้เลยทีเดียว นับได้ว่าพระอาจารย์ของหลวงปู่ ที่หลวงปู่ได้ศึกษาเล่าเรียนมามีอยู่เท่านี้ส่วนที่หลวงปู่ให้ความเคราพนับถือมีอยู่หลายรูปด้วยกัน แต่ที่เห็นหลวงปู่พูดถึงบ่อย ๆ ก็มีหลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ จ.ระยอง หลวงปู่อยู่วัดใหม่หนองพระอง จ.สมุทรสาคร หลวงพ่อสนิท วัดศีลขันธาราม จ.อ่างทอง (หลวงพ่อสนิทเป็นสหายทางธรรมกันมาตั้งแต่สมัยที่หลวงพ่อสนิท ยังอยู่ที่วัดเทพศิรินทราวาสและเคยมาฉันอาหารหลับนอนที่วัดดวงแขบ่อย) และหลวงปู่บุญญฤทธิ์พระอาจารย์สายกัมมัฏฐานที่ให้ความเคารพซึ่งกันและกันมาก ถ้าหลวงปู่บุญญฤทธิ์มากรุงเทพฯ ต้องมาหาหลวงปู่วิเวียรทุกครั้งไปหลวงปู่เป็นพระที่มีเมตตาสูง ท่านจะให้ความอนุเคราะห์แก่ผู้ยากจนตลอดเวลา จนเป้นที่ทราบของพระเถรผู้ใหญ่หลายท่านตลอดจนบรรดาศิษยานุศิษย์ที่ให้ความเคราพนับถือ หลวงปู่ท่านถือหลักพรหมวิหาร 4 ใครมาหาท่าน หลวงปู่จะประพรมน้ำพระพุทธมนต์ให้และว่าพระคาถาเพื่อเป็นสิริมงคลให้แล้วจะพูดว่า เจริญเฮงเฮงกันนะ ทุกครั้งไป ไม่ว่าวัดไหนหน่วยราชการใดมาขอพึ่งท่านหลวงปู่จะช่วยเหลือทุกครั้งไปมิได้ขาด
ภารกิจหน้าที่การงานภายในวัด

ท่านเจ้าคุณพระวิมลธรรมภาณ หรือหลวงปู่วิเชียรได้เริ่มมีบทบาทช่วยเหลือกิจการของทางวัดดวงแขมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2500 หลวงปู่ได้ร่วมกับเจ้าอาวาสวัดดวงแขช่วยกันพัฒนาวัดดวงแขจนเจริญรุ่งเรืองมาจนปัจจุบันนี้ โดยหลวงปู่เป็นแม่งานคอยควบคุมพัฒนาบูรณะวัดมาดดยตลอดเพราะหลวงปู่มีความรู้ทางด้านช่างก่อสร้างเก่งมาก ท่านคำนวณงานจนผู้รับเหมาต้องยอมแพ้ ปรับปรุงระเบียบการปกครองภายในวัด จัดสรรงบประมาณหาทุนทรัพย์มาบูรณะก่อสร้างถาวรวัตถุต่าง ๆ ภายในวัดแทบทั้งสิ้นไม่วาสจะเป็นการก่อสร้างศาลาการเปรียญทั้งหลายหลัง โรงเรียนพระปริยัติธรรม กุฏิสงฆ์ บูรณะพระอุดบสถและพระวิหารหลวงปู่ปรับปรุงบูรณะจนจำสภาพเก่าไม่ได้ วัดดวงแขได้เปลี่ยนแปลงไปจนผิดหูผิดตาจากสภาพวัดที่ทรุดดทรมกลายมาเป็นวัดที่ร่มรื่นน่าอยู่อาศัยศึกษาและปฏิบัติ นอกจากนี้หลวงปู่ได้เป็นครูสอนปริยัติธรรมอบรมสั่งสอนพระเณรชาวบ้านมาตั้งแต่หลวงปู่บวชเป็นพระใหม่ ๆ เป้นอาจารย์สอนกัมมัฏฐานแก่ผู้ที่สนใจจนมีผู้ศึกษาสำเร็จไปแล้ว 300 กว่าท่าน และได้ทำการเทศน์สั่งสอนแนะนำจนเป้นที่ชื่นชอบของพุทธศาสสนิกชนทั่วไป โดยได้รับนิมนต์ให้ไปเทศน์ตามสถานที่ราชการต่าง ๆ เป้นจำนวนมาก หลวงปู่บอกว่าเราอย่าไปสอนเขาเราไปแนะนำให้เขาถึงจะถูกเราเก่งแล้วหรือถึงจะไปสอนเขา เราควรพิจารณาดูตัวเราเองก่อนแล้วถึงจะรู้ว่าเราจะไปสอนคนอื่น หลวงปู่จึงเป้นที่เคราพและรักใคร่นับถือของคนทั่วไป

ภารกิจทางคณะสงฆ์

ในด้านการคณะสงฆ์ ท่านเจ้าคุณพระวิมลธรรมภาณ หรือหลวงปู่วิเวียรได้เริ่มมีส่วนเกียวข้องมาตั้งแต่ พ.ศ. 2502 เริ่มเป็นประธานสงฆ์บูรณะปฏิสังขรณ์วัดดวงแข และท่านเจ้าคุณพระพรหมมุนี(ปุญญรามเถร) ได้แต่งตั้งให้ช่วยการคณะสงฆ์มาตามลำดับต่อไปนี้

พ.ศ. 2502 เป็นกรรมการตรวจธรรมสนามหลวง
พ.ศ. 2508 เป็นที่ปรึกษาของท่านเลขาธิการคณะธรรมยุติในสมัยพระเทพวราภรณ์ เป็นเลขาธิการคณะธรรมยุติ
พ.ศ. 2519 เป็นรองเจ้าอาวาสวัดดวงแข
พ.ศ. 2522 เป็นที่ปรึกษาของท่านเจ้าคณะภาค 4-5-6-7 (ธรรมยุติ) มีพระธรรมดิลกเป็นเจ้าคณะภาค และเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่เจ้าอาวาสวัดดวงแข
พ.ศ. 2532 เป็นพระวินยาธิการชุดแรกของคณะธรรมยุติ และเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร มีพระพรหมมุนี เป็นเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร
พ.ศ. 2535 เป็นเจ้าอาวาสวัดดวงแข

งานด้านสาธารณูปการ

นับแต่ พ.ศ. 2500 เป็นต้นมาท่านเจ้าคุณพระวิมลธรรมภาณหรือหลวงปู่วิเวียร ได้ดำเนินการจัดสร้างและให้ความอุปถัมภ์การก่อสร้างวัดและสาธารณสถานต่าง ๆ ไว้จำนวนมากคือ

พ.ศ. 2500 ได้พัฒนาวัดดวงแขจนเจริญเท่าทุกวันนี้ (พ.ศ. 2500 - 2536)
พ.ศ. 2501 อุปถัมภ์วัดบ้านแก่ง จังหวัดนครสวรรค์สร้างศาลาการเปรียญหลังใหญ่จุคนเป็นพัน ๆ คน สร้างกุกิสร้าง 4 หลัง สร้างศาลาดินหลังเล็ก สร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรมสูง 3 ชั้น กว้าง 9 เมตร ยาว 32 เมตร บูรณะพระอุโบสถและวิหาร ปรับปรุงฌาปนสถาน (ตั้งแต่ พ.ศ. 2500 จนถึง พ.ศ. 2536 ไม่ทราบว่าเป็นงบประมาณเท่าไร)
พ.ศ. 2507 อุปถัมภ์การก่อสร้างถนนรังสิโยทัย จากอำเภอเมืองนครสวรค์ จนถึงอำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ โดยทำเป้นถนนลูกรังแล้วมอบให้ทางราชการดำเนินการต่อไปจนสำเร็จเรียบร้อย
พ.ศ. 2512 อุปภัมภ์การก่อสร้างวัดบ้านใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน
พ.ศ. 2516 จัดสร้างสถานีอนามัยประจำตำบลบ้านแก่ง
พ.ศ. 2518 จัดสร้างโรงเรียนมัธยมชัชวลิตวิทยาประจำตำบลบ้านแก่ง อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ โดยการบริจาคที่ดินของตระกูลหลวงปู่ และได้จัดซื้อจนครบ 35 ไร่
พ.ศ. 2526 จัดตั้งศูนย์พัฒนาอบรมเลี้ยงดูเด็กก่อนวัยเรียนที่ตำบลบ้านแก่ง
จังหวัดนครสวรรค์
พ.ศ. 2527 อุปถัมภ์การก่อสร้างวัดเกาะแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ วัดมะเกลือ อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ วัดวิชมัยปุญญาราม เขาค้อ อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์
พ.ศ. 2530 จัดตั้งบุญนิธิพุทธเมตตา (เพื่อการศึกษา แบละอาหารกลางวันเด็กนักเรียนยากจน) โครงการนี้จัดดำเนินงานมาตั้งแต่ พ.ศ. 2522 มีเด็กนักเรียนอยู่ในความอุปถัมภ์ 400 คนทุกปี แต่เพิ่งมาจัดตั้งถาวรเมื่อ พ.ศ. 2530
พ.ศ. 2531 อุปถัมภ์การก่อสร้างวัดแคโรไลนาพุทธจักรวนาราม รัฐแคโรไลนา สหรัฐอเมริกา ร่วมกับท่านเจ้าคุณพระธรรมดิลก วัดบวรนิเวศวิหาร
พ.ศ. 2536 จัดสร้างกุฏิสงฆ์ที่วัดดวงแขเป็นอาคารทรงไทยสูง 4 ชั้น กว้าง 9 เมตร ยาว 26 เมตร ราคาค่าก่อสร้าง 7,500,000.00 บาท และสั่งให้บูรณะพระอุโบสถวัดดวงแขอีก โดยให้ใช้งบประมาณจากวัตถุมงคลของหลวงปู่ที่มีอยู่มาเป็นปัจจัยในการบูรณะจะต้องใช้เงินประมาณ 10 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังมีวัตถุต่าง ๆ สถานที่ราชการต่าง ๆ มาขอความช่วยเหลือ ซึ่งหลวงปู่ก็ให้ความช่วยเหลือไปทุกราย ไม่สามารถที่จะบันทึกเอาไว้ได้ เพราะหลวงปู่สั่งห้ามบันทึกให้ถือว่าหลวงปู่ทำบุญส่วนตัว การให้ทุนการศึกษาแก่เด็กนักเรียนหลวงปู่จะจัดทุนให้ทุนละ 500 บาทต่อคน เด็กที่อยู่ในความอุปการะของหลวงปู่มี 400 คนแต่ละปีหลวงปู่จะต้องใช้เงินในการนี้ถึงปีละ 200,000.00 บาท โดยเป็นเงินที่มีคนมานิมนต์หลวงปู่แล้วถวายหลวงปู่มาไม่ว่าจะเป็นงานอะไรเมื่อมีคนถวายมาหลวงปู่สั่งให้เก็บไว้ให้เด็กนักเรียน หลวงปู่ถือว่าเด็กเหล่านี้คือลูกของหลวงปู่ทุกคน ต่อมาหลวงปู่ไม่มีเงิน คณะศิษย์จึงได้พร้อมใจกันจัดตั้งเป็นบุญนิธิถวายหลวงปู่ โดยได้ช่วยเหลือกันมากบ้างน้อยบ้างเมื่อ พ.ศ. 2530 หลวงปู่ได้ตั้งชื่อบุญนินี้ว่า บุญนิธิพุทธเมตตา มีนายนิพนธ์ คันทรง ไวยาวัจกรวัดดวงแขและสมาชิกสภาเขตปทุมวันเป็นประธานกรรมการ สามารถช่วยเหลือเด็กนักเรียนมาโดยตลอด และหลวงปู่ยังให้จัดสร้างห้องแล็ปภาษาอังกฤษให้โรงเรียนวัดดวงแขอีก 1 ห้อง สิ้นเงิน 527,000.00 บาท เมื่อ พ.ศ. 2533

งานหนังสือ

หลวงปู่ได้แต่งหนังสือเอาไว้ไม่มากนักเพราะต้องมาพัฒนาวัดเป็นเสียมาก เท่าที่จำได้มีอยู่ไม่เกิน 10 เรื่อง เช่นเรื่องค่าของคน เรื่องวิถีทางของคน เรื่องเด็กน้อย เรื่อง ค.ควาย และ ค. ฅน แต่น่าเสียดายเรื่องนี้ไม่มีการพิมพ์แพร่หลายออกมา เพราะช่างพิมพ์เอาเรื่องนี้จะไปตีพิมพ์ออกมาแต่ป่วยและเสียชีวิตไปต้นฉบับเลยหายไปด้วย

สมณศักดิ์

พ.ศ. 2502 เป็นพระครูปลัดฐานานุกรมพระราชกวี วัดบวรนิเวศวิหาร
พ.ศ. 2507 เป็นพระครูปลัดฐานานุกรมพระเทพวราภรณ์ วัดบวรนิเวศวิหาร
พ.ศ. 2516 เป็นพระครูปลัดธรรมจริยวัฒน์ฐานานุกรมพระธรรมดิลก วัดบวรนิเวศวิหาร
พ.ศ. 2532 เป็นพระครูปลัดสุวัฑฒนพรหมจริยคุณฐานานุกรมพระพรหมมุนี วัดบวรนิเวศวิหาร
พ.ศ. 2536 เป็นพระราชาคณะที่พระวิมลธรรมภาณ

หลวงปู่อาพาธ

พ.ศ. 2524 หลวงปู่อาพาธด้วยโรคเบาหวาน ต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราชเป็นเวลา ถึง 2 เดือน อาการจึงทุเลาลง จึงกลับวัดดวงแขได้

ต่อมาปี 2532 อาการโรคเบาหวานกำเริบขึ้นมาอีก เพราะหลวงปู่เดินบิณฑบาต ไปเหยียบเอาเศษเหล็ก จึงเกิดการอับเสบบวมแดง ที่นิ้วหัวแม่เท้าแล้วลามไปถึงหัวเข่าของหลวงปู่ หมดจึงมีความจำเป็น ต้องตัดนิ้วเท้าข้างซ้ายของหลวงปู่ออกทั้งหมด 5 นิ้ว
ต่อมาปี 2535 เดือนมิถุนายน หลวงปู่มีอาการชัก จึงรีบนำส่งโรงพยาบาล หมอพบว่าหลวงปู่เป็นโรคเนื้องอกในสมอง จนกระทั่งถึงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2537 เวลา 4 ทุ่มตรง เป็นวันตรุษจีน หลวงปู่ก็ละสังขารไปด้วยอาการอันสงบ
ราคาเปิดประมูล500 บาท
ราคาปัจจุบัน650 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ50 บาท
วันเปิดประมูล - 03 ม.ค. 2551 - 23:58:27 น.
วันปิดประมูล - 05 ม.ค. 2551 - 07:50:19 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลเปนเอก (6.6K)(1)


(0)
ข้อมูลเพิ่มเติม 1 - 04 ม.ค. 2551 - 16:39:05 น.

ยังมีราคาเบาๆอีกหลายรายการเปิดดูรายการพระทั้งหมดได้เพียง คลิกพระเครื่องทั้งหมดของผู้ตั้งประมูล
เรียน..ผู้ชนะการประมูลโอนแล้วกรุณาแจ้งให้ทราบด้วยคับเพื่อความรวดเร็วในการจัดส่งคับ
ถ้าไม่ได้รับพระภายใน3-4วันหลังจากการโอนกรุณาแจ้งให้ทราบด้วยคับ
มือถือ 0841920689 เบอร์บ้าน077212429/เอก
หรือให้ดีมากเเจ้งทางเมล์คับขอบคุณมากคับ peneak077212429@hotmail.com


 
ราคาปัจจุบัน :     650 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     50 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    atoms (483)

 

Copyright ©G-PRA.COM