(0)
พระซุ้มระฆัง เนื้อชินเงิน กรุวัดราชบูรณะ จ.อยุธยา ขนาดองค์พระเกือบ 6 ซม. คราบกรุไขปรอททั่วองค์ สภาพสวยเดิม พร้อมบัตรรับรอง








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องพระซุ้มระฆัง เนื้อชินเงิน กรุวัดราชบูรณะ จ.อยุธยา ขนาดองค์พระเกือบ 6 ซม. คราบกรุไขปรอททั่วองค์ สภาพสวยเดิม พร้อมบัตรรับรอง
รายละเอียดโบราณสถานวัดราชบูรณะ” แหล่งกรุสมบัติล้ำค่าของพระมหากษัตริย์ไทยสมัยอยุธยา ตามประวัติวัดราชบูรณะแห่งนี้ สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) โปรดฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อราว พ.ศ. 1967 สร้างตรงที่ถวายพระเพลิงพระศพของพระเชษฐาทั้ง 2 พระองค์คือ เ้จ้าอายพระยา กับเจ้ายี่พระยา ซึ่งชนช้างกัน เพื่อแย่งสิทธิ์การครองบัลลังค์ต่อจากพระราชบิดา จึงถึงแก่พิราลัยบนคอช้างทั้งคู่ เจ้าสามพระยาจึงขึ้นครองราชย์ต่อ และได้สร้างเจดีย์คู่ไว้ตรงที่ชนช้าง เพื่อเป็นอนุสรณ์ระลึกถึงพระเชษฐาทั้ง 2 พระองค์ แต่ปัจจุบันนี้เจดีย์คทั้งสอง ได้หักพังลงเหลือเพียงฐาน ตั้งอยู่กลางวงเวียนหน้าวัดราชบูรณะ และเป็นสถานที่ที่เคยปรากฎร่างของวิญญาณนักรบโบราณตนหนึ่ง ซึ่งจะเล่าให้ฟังต่อไป ภายในวัดราชบูรณะมีสถาปัตยกรรมเป็นองค์ปรางค์ ซึ่งเป็นศิลปะอยุธยาสมัยแรก พระปรางค์องค์นี้เองเป็นต้นเรื่องที่มาแห่งอาถรรพณ์ต่าง ๆ นานา จากผู้บุกรุกลักลอบเข้าไปขุดสมบัติโดยเมื่อปี พ.ศ. 2499 กรมศิลปากรได้เริ่มทำการสำรวจเพื่อทำการบูรณะ ขณะที่กำลังรอบูรณะในตอนค่ำของวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2500 พระปรางค์แห่งนี้ก็ถูกกลุ่มคนจำนวนมากลักลอบเจาะเข้าไปถึงปรางค์ด้านใน เพื่อค้นหาสมบัติ ซึ่งมีเป็นจำนวนมากและยังประเมินค่ามิได้ โดยเฉพาะสมบัติส่วนใหญ่ที่เป็นเครื่องราชูปโภค ซึ่งเป็นสิ่งของเครื่องใช้ของกษัตริย์ทำด้วยทองคำและอัญมณีมีค่า อาทิ พระแสงทองคำ มหามงกุฎ มงกุฎพระราชินีเรื่องหงส์ทองคำ ราชรถมีม้าเทียมทองคำ แหวนทองคำ ม่านทองคำ จอกทองคำประดับทับทิม ฯลฯ บรรยากาศขณะลงมือขุดก็มีเค้าลางของอาถรรพ ณ์เริ่มปรากฏ นักขุดคนหนึ่งในทีมเปิดเผยว่า ขณะเริ่มขุดฟ้าก็ร้อง ลมพัดแรงแต่ไม่มีใครสนใจ เมื่อเอาสมบัติออกมาวางนอกองค์ปรางค์ ก็มีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นกับ “พระแสงขรรชัยศรี” คือเกิดแสดงคล้ายหิ่งห้อยสว่างวาบ ๆ หลายครั้งกับพระแสงนั้น และในภายหลังยังเกิดอาถรรพณ์สิ่งเลวร้ายกับผู้ลักลอบขุดคนอื่น ๆ อีก โดยส่วนใหญ่จะเป็นสติฟั่นเฟือน ประสบเคราะห์กรรมไม่สิ้นสุด ชีวิตมี แต่ตกอับ หมดเนื้อหมดตัว บางคนถึงกับเอาเครื่องทรงของกษัตริย์มาสวมและถือพระแสงดาบออกไปรำที่ตลาดหัว รอ ส่วนเครื่องทองคำที่นำไปขายที่ร้านทองในตลาด ปรากฎว่าในสมัยต่อ ๆ มาร้านทองแห่งนั้นก็ถูกไฟไหม้ จุดจบที่น่ากลัวของผู้ลักลอบขุดกรุสมบัติวัดราชบูรณะทั้งหมดนี้ หลายคนเชื่อว่า เป็นอาถรรพณ์ที่เกิดจากการสาปแช่งของเจ้าของสมบัตินั่นเอง เรื่องของ “วิญญาณ” ก็มีผู้พบเห็นอยู่เรื่อย เรื่องนี้เล่าโดยอดีตนักโบราณคดีท่านหนึ่ง ซึ่งในอดีตเคยมีหน้าที่สำรวจ และชุดค้นหาหลักฐานทางโบราณคดีประวัติศาสตร์ ที่บริเวณวัดราชบูรณะแห่งนี้ และเคยเจอดีที่หน้าวัดมาแล้ว นักโบราณคดีท่านี้ได้เล่าว่า คืนหนึ่งเมื่อเสร็จจากงานสำรวจ ก็พากันออกไปหาอะไรกินกับทีมงาน ที่ตลาดเจ้าพรหมในตัวเมืองอยุธยา เมื่ออิ่มหนำสำราญแล้วก็จะกลับที่พักที่คุ้มขุนแผน ขากลับจึงเหมารถตุ๊ก ๆ รับจ้างมาส่ง ขณะที่รถวิ่งมาถึงบริเวณวงเวียนที่เจดีย์เหลือเพียงฐาน ตำแหน่งที่ชนช้างของเจ้าอ้าย และเจ้ายี่ซึ่งตั้งอยู่หน้าวัดราชบูรณะ ทันที่ที่มาถึงบริเวณดังกล่าว รถตุ๊ก ๆ ที่วิ่งมาดี ๆ ก็หยุดกะทันหัน คนขับต้องเบรกจนตัวโกร่ง เพราะมีบุรุษลึกลับไปยืนขวางอยู่กลางถนน ทำให้คนขับแสดงอาการฉุนเฉียวด่าว่าไปหลายคำ โดยที่ไม่มีใครทันสังเกตุบุรุษผู้นั้นได้ชัดเจนเพราะเป็นเวลาดึก แสงไฟในถนนก็ค่อนข้างสลัว แต่พอเริ่มปรับสายตาให้ชินกับความมืดได้ ภาพที่ทุกคนเห็นตรงหน้าแล้วทำให้ต้องอ้าปากค้างคือ ร่างล่ำสันสูงใหญ่ของนักรบโบราณ สวมหมวกทรงประพาส เสื้อแขนยาวจรดข้อมือมีทับทรวงกลางอก นุ่งโจงกระเบนแบบถกเขมร ทับกางเกงสีเดียวกัน มีดาบโบราณ 2 เล่ม คาดเฉียงบนร่างท่อนบน สภาพใบหน้านักรบโบราณที่ทุกคนเห็นแล้วยิ่งทำให้ตืนตะลึง นั่นคือ ใบหน้าซีกหนึ่งที่ฉ่ำเยิ้มไปด้วยน้ำเหลือง แถมเนื้อหนังทำท่าจะแบะหลุดออกมาส่งกลิ่นสาบสางทั่วบริเวณ ท่ามกลางความตกตะลึงพรึงเพริดของนักโบราณคดีและลูกทีม ที่ต้องยืนตัวแข็งขนลุกซู่เป็นครู่ใหญ่ สักพักร่างนักรบโบราณนั้นก็ค่อย ๆ จางหายไปต่อหน้าต่อตา เมื่อพอมีสติทุกคนก็วิ่งอ้าวเพื่อให้พ้นจากบริเวณนั้นโดยเร็วที่สุด สุดท้ายก็มานั่งถกกันว่าที่เห็นนั้นคืออะไร แต่ก็พอจะคาดคะเนจากเครื่องทรงที่แต่งว่า น่าจะเป็นวิญญาณของผู้มีศักดิ์สูง ซึ่งก็ไม่ทราบว่าเป็นใคร ที่น่าสงสารก็คือ จนป่านนี้ทำไมวิญญาณยังไม่ไปเกิด และต้องติดอยู่กับสถานที่แห่งนี้อีกนานแค่ไหน ในความเป็นจริงที่ได้สอบถามจากผู้รู้ ซึ่งเป็นผู้มีสมาธิจิตสูงหลานท่านได้เคยเล่าให้ผู้เขียนฟังว่า ยังมีวิญญาณชาวกรุงศรีอยุธยาอีกหลายหมื่นดวง ที่ยังคงติดอยู่ ณ สถานที่ที่เสียชีวิตเมื่อครั้งกรุงแตก เพราะความที่ยังหวงแหน และความรักใน แผ่นดินเกิดอย่างแรงกล้า อีกทั้งความตายที่มาถึงขณะที่ยังไม่ถึงเวลา วิญญาณทุกดวงเจ็บปวด ทุกข์ทรมาน ด้วยแรงอาฆาตและแรงแค้นจึงทำให้ดวงวิญญาณเเหล่านั้นไม่สงบ หนทางจะไปสู่ภาพภูมิใหม่ตามสภาวะจิตของพวกเขา จึงยังไม่เปิด จนกว่าจะมีผู้มาชี้ทางสว่าง จึงมีผู้พบเห็นดวงวิญญาณทหารไทยบ้าง ทหารพม่าบ้าง รวมถึงหญิงสาวคนแก่และเด็กผมจุกยุคโบราณ จากภูมิวิญญาณครั้งกรุงเก่าโบราณมาปรากฎให้เห็นอยู่เสมอ

พระกรุวัดราชบูรณะ เป็นพระกรุที่ยิ่งใหญ่กรุหนึ่งของจังหวัดอยุธยา มีพระพิมพ์แตกกรุออกมามากมาย พระซุ้มระฆังเป็นพระเนื้อชินเงิน โอกาสที่จะแตกหักชำรุดมีสูงหากไม่ระมัดระวัง แต่สูงส่งอลังการด้วยพุทธศิลป์ครับ
ราคาเปิดประมูล100 บาท
ราคาปัจจุบัน2,500 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ100 บาท
วันเปิดประมูล - 25 พ.ย. 2558 - 17:50:23 น.
วันปิดประมูล - 28 พ.ย. 2558 - 07:52:02 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลPHLOI (3.5K)


(0)
 
ราคาปัจจุบัน :     2,500 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     100 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    ronin28 (10.8K)

 

Copyright ©G-PRA.COM