จิ้งจก หลวงปู่หน่าย นับได้ว่าเป็น จิ้งจกต้นตำรับ อันดับแรก และเป็นอันดับหนึ่งของเมืองไทยเลยทีเดียว ซึ่งมีการสืบทอดสายวิชาอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย มาจนถึงปัจจุบันนี้ ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงอย่างมาก ในเรื่องการสักยันต์เก้ายอดที่ขึ้นชื่อลือชา
นอกจากนั้น หลวงพ่อท่านยังให้มีการสักยันต์จิ้งจกแก่ผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาด้วย มีทั้งสักแบบตัวเดียว สองตัว สามตัว มีทั้งแบบสักด้วยสีดำ แดง และน้ำมัน ผู้ที่สักไปแล้ว ล้วนแต่ได้รับประสบการณ์เรื่องเพศตรงกันข้ามอย่างยอดเยี่ยมยิ่ง บางคนสามารถมีแฟนได้ครั้งเดียวพร้อมกันถึง 4 - 5 คน และยังมีมาติดพันอีกหลายคนด้วยซ้ำไป จนเจ้าตัวบอกว่าไม่ไหวแล้ว หลังจากนั้นจึงมีการพัฒนาจากการสักยันต์ มาเป็นสร้างเครื่องราง จิ้งจกแบบพกพา และแบบตั้งบูชา จนเป็นที่กล่าวขาน และโด่งดังไปไกลถึงต่างประเทศมาแล้ว
ยันต์ต่างๆ ที่หลวงพ่อหน่ายท่านลงสักให้ไปนั้น เป็นที่กล่าวขานถึงความคงกระพันชาตรี โดยเมื่อท่านว่างเว้นจากการสักหมึก และสักน้ำมันให้แก่ผู้ที่ศรัทธา หลวงพ่อหน่ายท่านมักจะไปปฏิบัติธรรมภายในป่าช้าของวัดอยู่เสมอ
หลวงปู่หน่าย อินทฺสิโร นอกจากการศึกษาพระธรรมวินัย และพระปริยัติธรรมแล้วท่านยังสนใจในเรื่องวิชาอาคมและไสยเวทย์ต่างๆ กระทั่งครั้งหนึ่งท่านได้ออกแสวงธรรมจาริกธุดงค์ผ่านเข้าไปในเขตจังหวัดสุพรรณบุรี และได้ไปพบกับ อาจารย์จัน จอมโจรย่ามแดง ผู้ซึ่งมีวิชาอาคม และมีชื่อเสียงในพื้นที่นั้นและจังหวัดใกล้เคียง สำหรับนายจันคนนี้เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า สุดยอดพระเกจิอาจารย์แห่งจังหวัดชัยนาท ท่านจึงตัดสินใจอยู่ศึกษาวิชาอาคมต่างๆ จากนายจัน ไม่ว่าจะเป็นด้านแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี เมตตามหานิยม โดยเฉพาะตำราการสักยันต์ซึ่งวิชานี้หลวงปู่หน่ายศึกษาอย่างลึกซึ้ง และนำมาซึ่งการกำเนิดเป็นเครื่องรางจิ้งจกมหาเสน่ห์ในปัจจุบัน และได้นำมาช่วยเหลือลูกศิษย์ลูกหาเป็นจำนวนมากจนเมื่ออาจารย์จัน ถ่ายทอดวิชาจนครบถ้วนแล้ว นายจันจึงตัดสินใจเดินทางพาหลวงปู่หน่ายไปฝากตัวเป็นศิษย์หลวงปู่ศุข ผู้เป็นอาจารย์ใหญ่ และที่นี่เองหลวงปู่หน่ายได้มีโอกาสอยู่รับใช้หลวงปู่ศุขจนกระทั่งละสังขาร
และแม้ว่าจะเป็นระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งปี แต่ก็เป็นหนึ่งปีที่หลวงปู่หน่ายได้ฝึกฝน ทบทวนสรรพวิชาต่างๆ อย่างเข้มข้น จนถือว่าเป็นศิษย์รุ่นสุดท้ายของหลวงปู่ศุข อย่างแท้จริง
หลวงปู่หน่าย แห่งวัดบ้านแจ้ง ถ้าพูดถึงวัตถุมงคลทางเมตตามหาเสน่ห์แล้ว จิ้งจกหลวงปู่หน่าย ถ้าเรื่องคงกะพัน ก็ต้องตะกรุดของท่าน ซึ่งมีผู้กล่าวขาลกันว่า
"เหนียวถึงกระดูก" เลยทีเดียวครับ
วัสดุที่นำมาแกะจิ้งจก และอุปเท่ห์การใช้จิ้งจก
จิ้งจกนับว่าเป็น เครื่องรางของท่านที่โดดเด่นที่สุดของท่าน ซึ่งงานแกะนั้นถือว่าเป็นงานหัตถศิลป์ที่งดงามอ่อนช้อย รวมทั้งรูปลักษณะก็บ่งบอกอย่างชัดเจนว่าเด่นในด้านใด โดยวัสดุที่นำมาแกะนั้น งาช้าง นิยมมากที่สุด โดยจ้างให้ช่างที่พยุหะคีรี นครสวรรค์ เป็นผู้แกะนำมาให้ (มีประมาณ 300 กว่าองค์) แล้วก็แกะจากไม้มงคลนามต่างๆ เช่น ไม้สักทอง (จำนวนน้อย) , ไม้งิ้วดำ (ยุคต้น ไม่เกิน 200 องค์) , กัลปังหาดำ (จำนวนน้อย), กะลาตาเดียว (จำนวนน้อย) และเนื้อโลหะผสม (จำนวนมาก 2,000 กว่าองค์)
โดยจะมีพุทธคุณโดดเด่น ทางด้านเมตตามหาเสน่ห์กับเพศตรงข้ามเป็นอย่างสูง แถมยังเด่นทางด้านโชคลาภ จนบางท่านเรียกว่า จิ้งจกมหาลาภ ซึ่งตามตำราโบราณท่านว่าไว้....เมื่อท่านใดได้บูชา จิ้งจกมหาลาภ แล้วต่อมาได้ยินเสียงจิ้งจกร้องโดย ณ.สถานที่บริเวณนั้นไม่มีจิ้งจกปรากฏอยู่เลย...นั่นแสดงว่าผู้บูชาท่านนั้นกำลังจะมีลาภใหญ่เข้ามาแล้วครับ และ นอกจากนี้ยังมีด้านคงกระพันชาตรีอีกด้วย มีทั้งจิ้งจกเดี่ยว จิ้งจกคู่ และจิ้งจกสามตัว เคยเห็นมากที่สุดคือ แบบสี่ตัวเกี้ยวพันหางกัน นี่หายากที่สุด
ส่วนในเรื่องของอานุภาพนั้น...ถือว่าแน่นอน แจ๋วมากในเรื่องการเรียกโชคลาภ การทำมาค้าขาย และเรื่องคู่ครองเมตตามหาเสน่ห์ก็ไม่แพ้กัน ตัวอย่างมี เจ้าของร้านอาหารแห่งหนึ่ง พกแค่ จิ้งจกสองตัว เขาบอกว่าคนแน่นร้านเกือบทุกวัน
คาถาบูชาจิ้งจก หลวงปู่หน่าย วัดบ้านแจ้ง
(ตั้งนะโม 3 จบ) แล้วว่า อะอิ อะมะ อะมะ อะอิ อะอิ จะหัง อะมะ สวาหะ เอหิ อะมะ ปิยะธิกา มานิ มานะ นะมะพะทะ ทะพะนะมะ (ว่า 3 จบ เคล็ดวิธีการใช้ เมื่อท่องคาถาเสร็จแล้วให้ทำเสียง จุ๊ๆ..,แล้วเคาะที่ตัวจิ้งจก ซึ่งเป็นเคล็ดลับการปลุกเรียกจิ้งจก)
คาถาพญาจิ้งจกศัตรูพ่าย
ทมอึ ทมอือ อย่าอึ นะมะพะทะ ทะพะนะมะ
สิทธิการิยะ เป็นคาถาของหลวงปู่หน่าย วัดบ้านแจ้ง ก่อนใช้ให้ระลึกนึกถึงท่านด้วยจะดีมาก |
|
