(0)
พระกลีบบัวอรหัง หลวงปู่ไข่ วัดเชิงเลน (บพิตรพิมุข) กทม. ปี 2470






รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องพระกลีบบัวอรหัง หลวงปู่ไข่ วัดเชิงเลน (บพิตรพิมุข) กทม. ปี 2470
รายละเอียดพระกลีบบัวอรหัง หลวงปู่ไข่ วัดเชิงเลน (บพิตรพิมุข) กทม. ปี 2470 เป็นพระเครื่องที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ออกแบบได้สวยงามมาก พิมพ์ทรงเป็นรูปหยดน้ำ มีปีกเนื้อล้นโดยรอบ ตรงกลางเป็นรูปพระพุทธรูป ปางสมาธิ ประทับนั่งบนอาสนะบัวคว่ำบัวหงาย ๑๑ กลีบ ล่างสุดเป็นตัวอักขระขอมอ่านได้ว่า "อรหัง" ด้านหลังบนสุดเป็นยันต์อุณาโลม ตรงกลางเป็นยันต์พระเจ้าห้าพระองค์ ผูกเป็นยันต์ตามช่องเป็นภาษาขอมอ่านได้ว่า"นะ โม พุท ธา ยะ" องค์พระอรหังกลีบบัว เคลือบด้วยน้ำยาหนาบ้างบางบ้าง แตกต่างกัน พระกลีบบัวหลวงปู่ไข่องค์นี้เป็น พิมพ์นิยม มีความสวยงามมากทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เป็นพระเนื้อดินขุยปู เนื้อละเอียด นำไปเผาไฟแรงสูง จนเนื้อแข็งแกร่งมาก มีทั้งแบบเคลือบและไม่เคลือบ องค์ที่ไม่เคลือบจะมีสีขาวและสีส้มอมชมพู ส่วนพระที่ลงเคลือบมีหลายสี เช่น เคลือบเหลือง เคลือบเขียว เคลือบฟ้า เป็นต้น มีหลายเฉดทั้งอ่อนและเข้มหลวงปู่ไข่ อินทสโร วัดบพิตรภิมุข หรือวัดเชิงเลน กทม. เกจิดังยุคก่อน พศ.2500 พระเครื่องของที่ท่านได้สร้างไว้หายากมากๆ และเล่นหากันหลักหลายหมื่น พระปิดตาสวยๆของท่านซื้อหากันหลักแสน แต่ใช่ว่ามีเงินแล้วจะหาพระของท่านได้ ท่านได้ร่ำเรียนวิชามาทางสายหลวงปู่จีน ฉะเชิงเทรา พระทางสายนี้จะเน้นเมตตา มหานิยมเป็นหลัก แต่มีเสริมแคล้วคลาดและคงกะพันด้วย พระของหลวงปู่จีนและหลวงปู่ไข่ชาวบ้านสมัยก่อนจะขูดเอาผงพระไปทำเสน่ห์ให้ผู้หญิงหลงรักในสมัยก่อนหลวงปู่ไข่ท่านสร้างแป็นพระผงคลุกรัก หรือคลุกรักน้อยแล้วนำไปชุบรักอีกที รักษาเนื้อพระ แต่สร้างและทำได้น้อยไม่พอความต้องการของลูกศิษย์ ในยุคท้ายของท่านจึงได้สร้างเป็นพระเนื้อดินผสมผงวิเศษของท่าน โดยใช้ดินขุยปู(เนื้อดินละเอียดมากๆไม่มีกรวดทราย) พระเนื้อดินชุดนี้มีแจกจ่ายออกมาไม่มากนักจนกระทั่งพระกลีบบัวอรหังรุ่นนี้ได้แตกรังออกมาถึงได้มีของวิศษของท่านออกมาให้ชม ให้เป็นเจ้าของกันได้ในราคาไม่หนักเกินไป แต่ระยะหลังๆพระแท้ๆในท้องตลาดโดนเก็บเข้ารังหมด มีให้เห็นในสนามพระไม่มากนัก
หลวงปู่ไข่ ท่านเป็นชาวแปดริ้ว เกิดที่ตำบลท่าไข่ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ.2400 โยมบิดาชื่อกล่อม โยมมารดาชื่อบัว เมื่อท่านอายุได้ 6 ขวบโยมบิดาได้นำท่านไปฝากกับหลวงพ่อปาน วัดโสธรฯ เพื่อให้เรียนหนังสือ ต่อมาจึงได้บวชเป็นสามเณร และได้ฝึกหัดเทศน์จนมีชื่อเสียงในทางเทศน์มหาชาติ เมื่อหลวงพ่อปานมรณภาพลงหลวงปู่ไข่จึงได้เดินทางไปอยู่กับพระอาจารย์จวง วัดน้อย อำเภอพนัสนิคม ชลบุรี จนท่านอายุได้ 15 ปี พระอาจารย์จวงก็มรณภาพลง ท่านจึงเดินทางมาจำพรรษาอยู่ที่วัดหงษ์รัตนาราม บางกอกใหญ่ เรียนพระปริยัติธรรมอยู่ 3 ปี แล้วจึงย้ายไปอยู่กับพระอาจารย์เอี่ยม วัดลัดด่าน สมุทรสงคราม ท่านได้ศึกษาพระธรรมวินัยและพระปริยัติธรรมจนอายุครบบวช หลวงปู่ไข่ จึงได้อุปสมบทที่วัดลัดด่าน โดยมีพระอาจารย์เอี่ยม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์เนตร วัดบ้านแหลม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์ภู่ วัดบางกะพ้อม เป็นพระอนุสาวนาจารย์
หลังจากนั้น หลวงปู่ไข่ ท่านก็ได้ไปเรียนวิปัสสนากรรมฐานกับพระอาจารย์รูปหนึ่งที่ จังหวัดกาญจนบุรี แล้วจึงกลับมาอยู่ที่วัดลัดด่านอีกครั้งหนึ่ง หลวงปู่ไข่ ท่านออกธุดงค์เป็นประจำทุกปี ท่านออกธุดงค์อยู่ได้ 15 ปี เวลาท่านธุดงค์ผ่านไปทางใด ถ้ามีผู้คนทุกข์ยากหรือเจ็บไข้ได้ป่วยท่านก็ช่วยรักษาให้หายโดยตลอด เกียรติคุณของท่านก็เป็นที่รู้จักจนมาถึงกรุงเทพฯ จึงมีผู้มานิมนต์ท่านให้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดบ่างยี่เรือ 1 พรรษา แล้วท่านก็ออกธุดงค์ไปในป่าอีก ต่อมาท่านจึงได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ และเห็นว่าวัดบพิตรพิมุข (วัดเชิงเลน) เป็นวัดที่เงียบสงบดี จึงได้เข้ามาจำพรรษาอยู่ที่วัดพบิตรพิมุขตลอดมา ในระหว่างที่หลวงปู่ไข่จำพรรษาอยู่ ณ วัดบพิตรมุข หลวงปู่ไข่ได้ปฏิบัติทางธรรมและสร้างการกุศลหลายประการ ได้แก่ สอนพระกรรมฐานแก่บรรพชิตและฆราวาส ช่วยอนุเคราะห์แก่ผู้เจ็บไข้ได้ทุกข์ บริจาคทรัพย์ส่วนตัวและชักชวนบรรดาศิษย์และผู้ที่คุ้นเคยให้มาร่วมการทำบุญ เช่น สร้างพระพุทธปฏิมา ซ่อมพระพุทธรูปของเก่าที่ชำรุดหักพังให้ดีขึ้น สร้างพระไตรปิฎก โดยหลวงปู่ไข่ลงมือจารใบลานด้วยตนเองบ้าง ให้ช่างจารขึ้นบ้าง ซ่อมแซมกุฏิที่ชำรุดทรุดโทรมให้ดีขึ้น สร้างกุฏิเป็นห้องแถวไม้ขึ้นอีกหลายกุฏิ ทั้งได้สร้างถนน สระน้ำ ถังรับน้ำฝน ขึ้นภายในบริเวณวัด สร้างแท่นสำหรับนั่งพักภายในคณะกุฏิให้เป็นที่สะดวกแก่พระภิกษุสามเณรที่อาศัยอยู่ในคณะนั้น เป็นต้น นอกจากนี้ยังปรากฏว่า เมื่อครั้งหลวงปู่ไข่จำพรรษาอยู่ตามหัวเมือง ก็ได้สร้างและปฏิสังขรณ์วัดต่าง ๆ มาแล้วหลายแห่ง
ระหว่างที่ท่านอยู่ที่วัดนี้ท่านก็ได้สอนพระกรรมฐานแก่พระภิกษุสามเณรและ ฆราวาสเสมอมา นอกจากนี้ ก็ได้ช่วยรักษาผู้ที่ป่วยไข้ได้ทุกข์มากมาย ทั้งยังได้บอกบุญแก่ญาติโยมให้ช่วยสร้างพระพุทธปฏิมากร ซ่อมแซมพระพุทธรูปของเก่าที่ชำรุด สร้างพระไตรปิฎก และปฏิสังขรณ์ซ่อมแซมกุฏิภายในวัด จนเจริญรุ่งเรืองมาจนทุกวันนี้ ประวัติหลวงปู่ไข่ วัดเชิงเลน (วัดบพิตรพิมุข)ท่านเป็นพระภิกษุที่มีความเมตตาธรรมสูง มีจริยาวัตรเรียบร้อยเคร่งครัด เป็นที่เคารพรักแก่บรรดาศิษยานุศิษย์ มีผู้รู้จักมากมายทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ต่อมาท่านได้เริ่มอาพาธด้วยโรคชรา และมรณภาพลงในวันที่ 16 มกราคม พ.ศ.2475 สิริอายุได้ 74 ปี พรรษาที่ 54 หลวงปู่ไข่ วัดเชิงเลน ได้สร้างพระเครื่อง พระปิดตาและเหรียญรูปท่านไว้ให้แก่ศิษย์ ซึ่งปัจจุบันเป็นพระที่หายากมาก นอกจากนี้ ก็ยังมีพระกลีบบัวอรหัง ซึ่งสร้างไว้ในประมาณปีพ.ศ.2470 จำนวนมากหน่อยปัจจุบันยังพอหาได้ไม่ยากนัก
ราคาเปิดประมูล100 บาท
ราคาปัจจุบัน6,000 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ100 บาท
วันเปิดประมูล - 12 ส.ค. 2564 - 08:08:36 น.
วันปิดประมูล - 21 ส.ค. 2564 - 22:41:48 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลชวนชื่น (6.6K)


(0)
 
ราคาปัจจุบัน :     6,000 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     100 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    preeyawat (583)(1)

 

Copyright ©G-PRA.COM