ชื่อพระเครื่อง | ตะกรุดพิสมรใบลาน หลวงปู่เท สุธมฺโม วัดยี่งอ จ.นราธิวาสอายุ 102 ปี ศิษย์เอกหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ที่ยังมีชีวิตอยู่ ของดีหายากในแผ่นดิน สร้างเพียง 299 องค์เท่านั้น |
รายละเอียด | ตะกรุดพิสมรใบลาน หลวงปู่เท สุธมฺโม วัดยี่งอ จ.นราธิวาสอายุ 102 ปี ศิษย์เอกหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ที่ยังมีชีวิตอยู่ ของดีหายากในแผ่นดิน สร้างเพียง 299 องค์เท่านั้น
พิสมรใบลาน หลวงปู่เท สุธมฺโม วัดยี่งอ จ.นราธิวาสอายุ 102 ปี
ศิษย์หนึ่งเดียวของหลวงปู่บุญวัดกลางบางแก้วที่ยังมีชีวิตอยู่ พลังจิตแก่กล้าล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า สื่อสารกับกายทิพย์หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด...
เมื่อมาพิจารณาคาถาปลุกเสกพิสมรของหลวงปู่เทแล้ว ยิ่งทำให้มั่นใจว่าเป็นวิชาที่เชื่อมโยงกันไปถึงพิสมรของหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัวที่เรียกกันว่าตะกรุดลูกอมเลยทีเดียว เนื่องจากตัวผู้เขียนก็ได้เรียนวิชานี้มาจาก หลวงปู่หนู วัดวังศาลา อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี และ หลวงพ่อลำเจียก วัดศาลาตึก อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ซึ่งต่างก็เป็นศิษย์ของหลวงพ่อเปลี่ยน วัดใต้ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ผู้สืบทอดตะกรุดลูกอมจากหลวงปู่ยิ้ม มาเช่นเดียวกับหลวงปู่ใจ วัดเสด็จ จ.สมุทรสงคราม ทำให้ทราบคาถาที่หลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัวนำมาลงตะกรุดลูกอมนั้นก็เกี่ยวข้องกับโลกธาตุเช่นเดียวกันกับคาถาหัวใจธัมมจักกัปปวัตตนสูตรของหลวงปู่เทที่ท่านใช้ลงและปลุกเสกพิสมร แต่คาถาของหลวงปู่เทนั้นมีความหมายน่าทึ่งกว่าเพราะแปลจากภาษาบาลีเป็นภาษาไทยได้ความว่า
ทั้งหมื่นโลกธาตุได้หวั่นไหว สะเทือนสะท้าน เสียงดังสนั่นลั่นไป ทั้งแสงสว่างอันหาประมาณมิได้ ได้ปรากฏขึ้นแล้วในโลก เหนือกว่าอานุภาพของเหล่าเทพเทวา
อ่านมาถึงตรงนี้ ท่านคงเห็นแล้วใช่ไหม ว่าทำไมผู้เขียนจึงกล่าวว่า ตำรับการสร้างพิสมรของหลวงปู่เท ที่สืบมาจากหลวงปู่บุญนั้นเป็นตำรับที่ดีที่สุด เพราะ
๑.มีสัญญลักษณ์เป็นกงล้อกลมๆเหมือนกับรูปร่างของพิสมรนั้นเป็นของพระพุทธเจ้า เป็นของสูง เป็นพระสูตรแห่งความสำเร็จ เพราะปัญจวคีย์ฟังแล้วเกิดดวงตาเห็นธรรมสำเร็จบรรลุเป็นพระอริยบุคคล
๒.ธัมมจักฯนั้นเป็นกงล้อแห่งธรรมที่หมุนไปทุกคืนวันจนพระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองยาวนานสืบมากระทั่งปัจจุบันและจะสืบต่อไปในอนาคตเปรียบดังความเจริญงอกงามของผู้ที่บูชาพิสมรของหลวงปู่เทที่จะเจริญไปแบบไม่มีวันหยุด
๓.พิสมรของท่านนั้นถักเชือกคลุกผงยาจินดามณีลงรักปิดทอง เปรียบดังนำมหามนต์คาถา แห่งวิชาจินดามณีเรียกโภคทรัพย์ โชคลาภให้หมุนเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย
๔.ทั้งหมดหนุนด้วยคาถาพระเจ้า ๑๖ พระองค์ทั้งฝ่ายซ้าย(อุมิอะมิ มะหิสุตัง สุนะพุทธัง อะสุนะอะ) และฝ่ายขวา(นะมะนะอะ นอกอนะกะ กอออนออะ นะอะกะอัง) ซึ่งในทางพุทธาคมแล้วถือว่าเป็นธรรมราชาแห่งพระคาถา เพราะขนาดพระเจ้าองค์เดียวก็ศักดิ์สิทธิ์แล้ว นี่มาถึง ๑๖ พระองค์สองฝ่ายอีกจะศักดิ์สิทธิ์ขนาดไหน อาจารย์โบราณใช้คาถานี้ครอบจักรวาลและเสกข้าวกินให้อยู่คง
ทั้งหมดนี้ทำให้เชื่อได้ว่าอานุภาพของพิสมรของหลวงปู่เทนั้น ไม่เป็นรองใครทีเดียว โดยเฉพาะจำนวนสร้างเพียง ๒๙๙ ลูก ตอกโค๊ดเรียงหมายเลขด้วย ต่อไปคงหาได้ยากแน่ๆ
*****ประวัติหลวงปู่เท ******
หากกล่าวถึงสำนักวัดกลางบางแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก.หลวงปู่บุญ ขนฺธโชติ พระเกจิอาจารย์ผู้เปี่ยมด้วยความเมตตา กรุณา คอยอุปการะพระภิกษุสงฆ์ และสามเณรตลอดจนลูกศิษย์อยู่เป็นนิจตลอดอายุขัยของท่าน เด็กๆหลายคนได้รับการเลี้ยงดูอบรมสอนสั่งและถ่ายทอดความรู้ต่างจนกระทั่งเติบใหญ่กลายเป็นพระเกจิอาจารย์ตามรอยท่านก็มีอยู่ไม่น้อย อาทิ หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว หลวงปู่ดี วัดสุวรรณฯ หรือแม้กระทั่งหลวงพ่อทองอยู่ วัดท่าเสาผู้เป็นหลานชาย ซึ่งต่างก็มรณภาพตามท่านไปหมดแล้ว แต่ใครเลยจะรู้บ้างว่าเมื่อ ๙๐ ปีที่แล้วยังมีเด็กน่าเอ็นดูและฉลาดหลักแหลมอีกคนหนึ่งที่หลวงปู่บุญเมตตาอุปการะพร้อมทั้งคอยอบรมสั่งสอนกรรมฐานตลอดจนเคล็ดวิชาต่างๆให้ตราบจนท่านมรณภาพลงและในที่สุดเด็กคนนี้ก็ได้ดำเนินตามรอยของหลวงปู่บุญผู้เป็นพระเกจิอาจารย์ ท่านคือหลวงปู่เท สุธมฺโม แห่งวัดยี่งอ อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส พระผู้มากอภิญญา ในสายญาณบารมีของหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้วและหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด แห่งวัดช้างให้ ก่อให้เกิดอิทธิปาฏิหาริย์อย่างมากมาย อย่างกรณีล่าสุด หลวงปู่เทได้แผ่ญาณบารมีปกป้องคุ้มครองนาวิกโยธินทั้ง ๑๒๐ นายให้ปลอดภัยจากการเข้าโจมตีของผู้ก่อความไม่สงบใน ๓ จังหวัดชายแดน ที่ฐานปฏิบัติการนาวิกโยธินในอ.บาเจาะ จ.นราธิวาส หลวงปู่เท สุธมฺโม เกิดเมื่อวันอังคาร ที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๗ (ไม่ตรงกับเอกสารทางราชการเพราะแจ้งเกิดภายหลัง) ณ บ้านบางกระเบา อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เดิมชื่อนายเท นามสกุลสีบัวงาม เมื่อครั้งเยาว์วัย หลวงปู่เทท่านได้ติดตามหลวงน้าเล็ก พระน้าชายของท่านมาเป็นเด็กวัดอยู่ที่วัดกลางบางแก้ว และมีโอกาสได้คอยอุปัฏฐากรับใช้ใกล้ชิดหลวงปู่บุญ เจ้าอาวาสวัดกลางบางแก้วในขณะนั้นด้วยความเป็นเด็กน่ารักฉลาดหลักแหลม นิสัยดีไม่เกเร หลวงปู่บุญจึงเมตตาอบรมสั่งสอนการปฏิบัติต่างๆให้ท่านด้วยหวังว่าจะให้ท่านบวชเป็นพระ ส่วนหลวงปู่เทเองก็มีใจฝักใฝ่ทางนี้เหมือนกัน เพราะยิ่งนานวันไปก็ยิ่งซึมซับการปฏิบัติและพระเวทย์วิทยาคมจากหลวงปู่บุญไว้มาก กระทั่งอายุครบ ๒๐ ปี บริบูรณ์จึงเตรียมตัวอุปสมบท แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นเนื่องจากโยมของท่านป่วย ท่านจึงต้องกลับบ้านไปดูแลโยม และต่อมาหลวงปู่บุญก็ถึงแก่มรณภาพอีกจึงทำให้การบวชของท่านต้องหยุดชะงักไปโดยปริยาย ต่อมาชีวิตต้องระหกระเหินเดินทางไปอยู่กับพี่สาวที่ อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส อำเภอนี้เดิมชื่อ ยีรีงาว์ ซึ่งเป็นชื่อของต้นไม้ชนิดหนึ่งที่มีขึ้นอยู่มาก ภาษาไทยเรียกต้นไม้ชนิดนี้ว่า ว่านน้ำ ต่อมาคำว่า ยีรีงาว์ได้เพี้ยนมาเป็นยี่งอจนถึงปัจจุบันผู้คนส่วนใหญ่ในอำเภอนี้มีอาชีพทำการเกษตร แต่หลวงปู่เทหรือนายเทในขณะนั้นหันมายึดอาชีพ รับจ้างทั่วไป ไม่มีภรรยาและครอบครัว ได้แต่คอยช่วยพี่สาวทำมาหากิน โดยท่านก็ไม่ทิ้งการปฏิบัติธรรมกรรมฐานและวิชาที่ร่ำเรียนมาจากหลวงปู่บุญ ทำการเสกเป่ารักษาผู้คนทั่วไปโดยไม่เคยเรียกร้องค่าตอบแทนแต่อย่างใด จนกระทั่ง ปี ๒๕๐๕ วิบากกรรมอันไม่สามารถหลีกเลี่ยงก็มาถึง ทั้งๆที่นายเทรู้ตัวล่วงหน้า แต่ไม่อาจแก้ไขได้ นายเทป่วยหนักรักษาอย่างไรก็ไม่หาย จึงได้แต่นอนภาวนารอความตาย จนกระทั่งคืนหนึ่งนายเทได้นิมิตเห็นหลวงปู่บุญวัดกลางบางแก้ว พระอาจารย์ที่เคยอบรมสั่งสอน ท่านมาบอกให้บวชพระได้แล้ว เมื่อบวชแล้วจะได้นำบุญกุศลมาช่วยให้หายจากโรคร้ายนี้ได้ แต่ตอนนั้นนายเทกลับคิดว่าตัวเองเกิดนิมิตหลอนเพราะกังวลเรื่องอาการป่วยที่เกิดแต่กรรมรักษาอย่างไรก็ไม่มีทางหายจึงยังไม่แน่ใจในนิมิตคืนต่อมานายเทก็เกิดนิมิตอีกแต่ครั้งนี้กลับเห็นหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดมาบอกให้บวชเช่นกันและยังย้ำว่าหากไม่บวชจะหมดโอกาสสงเคราะห์คนเพราะกำลังจะหมดอายุขัยขณะนั้นนายเทเริ่มคิดอยากทำตามคำแนะนำของหลวงปู่ทั้งสอง แต่ก็พลันคิดต่อไปว่าด้วยร่างกายที่อ่อนแอไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ บวชไปอาจเป็นภาระให้พระสงฆ์และสามเณรรอบข้างที่ต้องมาช่วยดูแลพระใหม่อย่างท่านจึงกังวลใจยิ่งนัก ทำให้คิดสับสนวกวนไปมาจนเพลียหลับไป พอหลับไปสักพักนายเทก็นิมิตเห็นหลวงปู่บุญมาสั่งกำชับอีกครั้ง ให้ทำตามคำแนะนำของหลวงปู่ทวด ถ้าบวชครั้งนี้โรคภัยไข้เจ็บทั้งหลายจะหายไปไม่ต้องกังวลใดๆอีก แต่บวชแล้วให้เดินตามแนวทางแห่งโพธิสัตย์ เมื่อถึงเวลาให้ช่วยสงเคราะห์ผู้คนตามรอยหลวงปู่ทวด ทำให้ท่านพบเจอกับความศักดิ์สิทธิ์ต่างๆมากมาย สำเร็จได้ดั่งที่หลวงปู่ทวดสอนสั่ง แถมยังมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงอายุยืนยาวตราบจนปัจจุบันยังสามารถเดินทางล่องหนไปมาซ่อนตัวได้ตลอดเวลา ยากที่ใครจะติดตามค้นหาได้ทัน ทำให้เรื่องราวของหลวงปู่เทเกือบจะสูญหายไปกับกาลเวลาถ้าหลวงปู่เทไม่ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในวันพิธีมหาพุทธาภิเษก เหรียญเจ้าสัว สอง หน้า(หลวงพ่อบุญช่วยเจ้าอาวาสวัดกลางบางแก้วเททองให้วัดท่าเสา) ณ วิหารหลวงปู่บุญ หลวงปู่เพิ่ม ในวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๖ การปรากฏตัวของหลวงปู่เทครั้งนี้สร้างความประหลาดใจแก่ผู้ร่วมพิธีเป็นอย่างมากว่า พระชรารูปนี้เป็นใคร? มาจากไหน? มาได้อย่างไร?ในเมื่อไม่มีใครอาราธนานิมนต์มา ศิษย์ในสายวัดกลางบางแก้วเองก็แทบลืมท่านไปแล้วเพราะท่านย้ายไปอยู่ที่ อ.ยี่งอ นานเกือบ 60 ปีแต่ด้วยความสงสัยของผู้ที่เข้าร่วมพิธีมหาพุทธาภิเษก จึงมีคนถามท่านออกไปว่าหลวงปู่ชื่ออะไร มาจากวัดไหน? ท่านบอกว่าชื่อเท มาจากวัดยี่งอ จึงทำให้ศิษย์วัดกลางบางแก้วรุ่นอาวุโสนึกถึงท่านขึ้นมาได้ จากนั้นมีคนถามอีกว่า หลวงปู่มาปลุกเสกพระหรือครับ? ท่านตอบว่า ใช่ อีกคนเลยถามต่อว่า แล้วหลวงปู่รู้ได้อย่างไรว่าจะมีการปลุกเสก? หลวงปู่ท่านก็ไม่ตอบอะไร แต่กลับชี้ไปที่รูปหล่อหลวงปู่บุญที่ตั้งอยู่ในพระวิหาร ทุกคนจึงเข้าใจตรงกันว่า หลวงปู่บุญคงบอกให้หลวงปู่เทมาร่วมพิธีปลุกเสกนั่นเองจากนั้นพิธีมหาพุทธาภิเษกก็ได้เริ่มขึ้นและดำเนินต่อไปสักระยะ ก็มีฆราวาสผู้เชี่ยวชาญทางสมาธิท่านหนึ่งที่อยู่ในพิธีนี้ด้วย หลุดปากบอกออกมาว่า โอ้โห.มีพลังหนักแน่นออกมาจากพระเกจิทางซีกซ้ายของมณฑลพิธี รังสีแปลกสว่างไสวไปทั่ว พอเพ่งมองไปกลับเห็นเป็นหลวงปู่บุญกับหลวงปู่ทวดออกมาจากตัวของหลวงปู่เท ทำให้ผู้คนที่ได้ยินต่างตื่นเต้นกันอย่างมากว่า...หลวงปู่เทสามารถอัญเชิญหลวงปู่บุญและหลวงปู่ทวดมาเสกพระได้จึงทำให้การปลุกเสกครั้งนั้นมีพลังสว่างไสวมากขึ้นหลายเท่าทวีคูณ และเมื่อจบพิธีมหาพุทธาภิเษก ก็มีปรากฏการณ์อัศจรรย์ที่ยืนยันคำบอกเล่าของผู้เชี่ยวชาญทางสมาธิที่หลุดปากบอกออกมาว่าเป็นเรื่องจริง ไม่ได้โม้ นั่นคือเกิดปาฏิหาริย์บนสายสิญจน์ที่โยงลงมาจากพระประธานถูกเปลวไฟจากเทียนชัยลามเลียอยู่เกือบสองชั่วโมงแต่กลับไม่ไหม้ไฟ (ดังรูปภาพ) เหตุการณ์นี้ถึงกับทำให้หลวงพ่ออวยพร วัดดอนยายหอม ต้องลุกขึ้นไปดู พร้อมบอกว่า มิน่า..เสกไม่ค่อยลง พอมีผู้ไปถามท่านเกี่ยวกับคำบอกเล่าของอาจารย์ฆราวาสที่เห็นหลวงปู่บุญและหลวงปู่ทวดเดินออกจากองค์หลวงปู่เทมาเสกพระนั้นว่าหลวงพ่ออวยพรท่านเห็นด้วยหรือเปล่า? คราวนี้หลวงพ่ออวยพรท่านไม่ตอบตรงๆเพราะอาจจะผิดพระวินัยได้ ท่านจึงตอบเป็นนัยๆว่า งานนี้พระผู้ใหญ่มากันมากขลังจริงๆ เหตุการณ์อัศจรรย์เกี่ยวกับหลวงปู่เทยังไม่ได้หมดเพียงแค่นี้ เพราะหลังจากพิธีปลุกเสกมาสองสามวันศิษย์ใกล้ชิดหลวงปู่เทเล่าให้ฟังว่าเมื่อคืนวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ เขาสังเกตุเห็นหลวงปู่เทท่านไม่ได้หลับไม่ได้นอน แต่อยู่ในสมาธิตลอดทั้งคืนจนเกือบรุ่งเช้าของวันที่ ๑๓ ท่านจึงถอนออกจากสมาธิ ลูกศิษย์จึงได้สอบถามด้วยความสงสัยว่าเมื่อคืนหลวงปู่เป็นอะไร ไม่สบายตัวหรือเปล่า เห็นหลวงปู่อยู่ในสมาธิจนเช้า หลวงปู่ได้แต่เพียงตอบสั้นๆว่า อยู่ช่วยลูกช่วยหลาน ตอนนี้ปลอดภัยกันหมดแล้วทำให้ลูกศิษย์สงสัยว่าลูกๆหลานๆที่บ้านของท่านเป็นอะไรกันแน่? ก็เลยถามท่านออกไป แต่หลวงปู่ไม่ตอบ กระทั่งทุกอย่างมากระจ่างขึ้นเมื่อข่าวเช้าทุกช่อง ได้นำเสนอเหตุการณ์ว่าเมื่อประมาณตีหนึ่งของวันที่ 13 ได้เกิดเหตุกลุ่มคนร้าย ซึ่งเป็นกองกำลังติดอาวุธ RKK ประมาณกว่า 30 คน พร้อมอาวุธปืนครบมือ พยายามบุกโจมตีฐานปฏิบัติการร้อยปืนเล็กที่ 2 ชุดเฉพาะกิจนราธิวาส 32 ซึ่งเป็นพื้นที่ไม่ไกลจากวัดยี่งอ ที่ท่านพักจำพรรษาอยู่ แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี นาวิกโยธินทั้ง 120 นายไม่มีใครเป็นอะไรนอกจากกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่ต้องเสียชีวิตลง จากการตอบโต้ของเจ้าหน้าที่ทหารด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคราวนี้ ยิ่งทำให้พวกลูกศิษย์เชื่อว่าหลวงปู่เท ท่านเป็นพระที่สำเร็จอภิญญา มีอนาคตังสญาณและทิพจักขุ สามารถรับรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้ว่าจะมีโจรใต้ถล่มฐานทหารแถววัดท่าน แถมหลวงปู่ยังสามารถอัญเชิญญาณบารมีของหลวงปู่ทวดแผ่ไปคุ้มครองนาวิกโยธินทุกนายให้ปลอดภัยได้ ทั้งๆที่ท่านไม่เคยดูข่าวสารหรืออ่านหนังสือพิมพ์แต่หลวงปู่ท่านกลับสามารถรับรู้เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นได้ล่วงหน้า
ของดีๆ ในแผ่นดินที่หาไม่ได้แล้ว
รับประกันตลอดชีพ |
ราคาเปิดประมูล | 100 บาท |
ราคาปัจจุบัน | 1,000 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!) |
เพิ่มขึ้นครั้งละ | 100 บาท |
วันเปิดประมูล | - 14 ส.ค. 2564 - 14:34:33 น. |
วันปิดประมูล | - 23 ส.ค. 2564 - 20:20:37 น. (ปิดประมูลแล้ว) |
ผู้ตั้งประมูล | cunchit (3.4K)
|