(0)
เหรียญพระมหาจักรพรรดิ์ (หลังสมบัติพระมหาจักรพรรดิ์ทั้ง7) (สมบัติจักรพรรดิรัตนะ7) ปี2563 เนื้อมหาชนวน - หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน / หลวงตาม้า วัดถ้ำเมืองนะ / วิชาธรรมกายสายหลวงปู่สด วัดปากน้ำ








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องเหรียญพระมหาจักรพรรดิ์ (หลังสมบัติพระมหาจักรพรรดิ์ทั้ง7) (สมบัติจักรพรรดิรัตนะ7) ปี2563 เนื้อมหาชนวน - หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน / หลวงตาม้า วัดถ้ำเมืองนะ / วิชาธรรมกายสายหลวงปู่สด วัดปากน้ำ
รายละเอียดเหรียญพระมหาจักรพรรดิ์ (หลังสมบัติพระมหาจักรพรรดิ์ทั้ง7) (สมบัติจักรพรรดิรัตนะ7) ปี2563 เนื้อมหาชนวน - หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน / หลวงตาม้า วัดถ้ำเมืองนะ / วิชาธรรมกายสายหลวงปู่สด วัดปากน้ำ
อฐิษฐานจิตปลุกเสก

ครบทั้งหมด
ดีทั้งมวลสาร
ดีทั้งผู้เสก
ดีทั้งงานออกแบบ
ความสวยความระเอียดพุทธศิลป์ติดตาตรึงใจ

พิธีปลุกเสก 3 สายวิชา รวมอยู่เหรียญเดียว

1.สายบารมีกำลังพระเจ้าจักรพรรดิ
หลวงปู่ดู่ หลวงปู่ทวด โดย หลวงตาม้า วัดถ้ำเมืองนะ

2.สาย หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
โดย หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน และ หลวงพ่อหนุน วัดพุทธโมกข์

3.สาย หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ
โดย พระอาจารย์ที่ท่านได้วิชาธรรมกาย
สืบทอดจากในสายหลวงปู่สด
ทำวิชาเสกหลายรอบซ้อนกันลงในเหรียญหลายรอบ

อีกทั้ง
หลวงตาม้า เมตตาอธิษฐานชนวนสำคัญ
เพื่อใช้ในการสร้างเหรียญ

เมตตาอธิษฐานครอบวิมาน
อัญเชิญพลังงานภูติพุทธเจ้า
ตามแนวทางแห่งพ่อแม่ครูอาจารย์
หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

ด้านหน้า
ได้อัญเชิญพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร
ทรงเครื่องฤดูร้อน หรือรูปลักษณ์ความเป็นบรมหาจักรพรรดิ สถิตกลางเหรียญ

โดยมีวงรัศมีถึงขอบจักรแก้ว
บรมจักรพรรดิ 6วง
เป็นปศินาธรรมคือ

1.ฉัพพรรณรังษี ทั้ง6
2.ดวงธรรมในกลางของกลางกายทุกๆกายทั้ง6
3.ธาตุหยาบ4ธาตุละเอียด2

*มีอักขระขอม พระคาถา บารมี30ทัศ
ซึ่งถือเป็นพุทธะคาถาที่ถือว่าทรงพุทธคุณ
มาแต่โบราณ คือบารมีเบื้องต้น
บารมีท่ามกลาง และบารมีขั้นสูงสุด
อันเป็นปรมัตถบารมีขอบรมศาสดาทุกๆพระองค์
มากกว่าเม็ดทรายในท้องมหาสมุทรทั้งสี่ทวีป
เป็นอัปมาโณไม่มีประมาณ

วงรอบนอก
เป็นรัตนจักร คือ จักรแก้ว
ซึ่งในรัตนเจ็ด สมบัติจักรพรรดิ
จักรแก้วถือเป็นประธานของสมบัติจักรพรรดิทั้งปวง
ในเหรียญนี้จึงแทน ความเป็น จุลจักรพรรดิ
มหาจักรพรรดิ บรมจักรพรรดิ
ซึ่งมีสถิตอยู่คู่โลกธาตุ
ทำหน้าที่ส่งเสริมความอุดมสมบูรณ์
ในสมบัติต่างๆแก่โลกธาตุ
ทำหน้าที่ดั่งเงาคู่กับพระพุทธเจ้าทั้งปวง
ในฝ่ายพระธรรม

ด้านหลัง
สมบัติทั้ง6 ที่สถิตในวงจักรแก้วนั้น
เป็นรูปนามแทนความหมายที่สื่อถึง
สมบัติจักรพรรดิทั้ง7 ซึ่งจักรแก้วเป็นประธาน
ของสมบัติจักรพรรดิ

ประกอบด้วย
ดวงแก้ว
ช้างแก้ว
ม้าแก้ว
ขุนพลแก้ว
ขุนคลังแก้ว
นางแก้ว

ซึ่งมีหน้าที่
ในพระจักรพรรดิแต่ละประเภท
แต่ละวง แต่ละองค์อันมีมากกว่าเม็ดทราย
ในมหาสมุทรทั้งสี่ทวีป

ความหมายของ
สมบัติจักรพรรดิทั้ง7

1.จักรแก้ว
ซึ่งเป็นประธานของสมบัติทั้ง7 คืออำนาจ เดชานุภาพโดยสุจริต
และเป็นธรรมของพระพุทธเจ้าจักรพรรดินั้นๆ
ปราบปรามโดยธรรม สิโรราบโดย ศรัทธา
เกรงกลัวโดยพระธรรมบารมีที่สะสมม

2.ดวงแก้วมณีโชติ
อำนวยความสุขความเจริญ
ความราบรื่น รื่นรมย์โดยธรรม
แก่ผู้ได้ครอบครอง ใต้ปกครอง

3.-4.ช้างแก้วและม้าแก้ว
คือความสะดวก การเดินทาง
ไปในจุดหมาย การมีบริวารดีพร้อม
ต่อการงานนั้นๆ และสร้างบารที

5.ขุนพลแก้ว
แทนเสนาบดีผู้มีธรรม
ผู้บริหารจัดการฝ่ายอำนาจโดยสุจริตเป็นธรรม

6.ขุนคลังแก้ว
แทนเสนาบดีผู้บริหารจัดการโภคทรัพย์
หาทรัพย์ หล่อเลี้ยงดูแล
วงบุญของพระจักรพรรดินั้น(รวมถึงอริยทรัพย์)

7.นางแก้ว
เป็นตัวแทนของกัลยาณมิตร
คู่สร้างคู่สะสมบารมีและความดี
ผู้ช่วยรักษาดูแล บริหารจัดการ ในกิจทั้งปวง
ให้พระจักรพรรดินั้นอยู่ในอิสระสุขตามระบอบ
ตามธรรม มิให้ขาดตกบกพร่อง
หรือให้เป็นที่ประหวันใจ

สถิตในวงกลีบบัวทั้ง12กลีบ แทน
1.คุณพระรัตนตรัตทั้งสาม
2.พระพุทธคุณทั้งเก้า
...ทั้งยังแทนปริศนาธรรมฝ่ายกุศล
ของสมบัติจักรพรรดิภาคพระ
เป็นธรรมขาวบริสุทธิ์คุ้มครองกาย วาจา ใจ
ของสรรพสัตว์ที่สมบัติจักรพรรดิ
หล่อเลี้ยงดูแลรักษา

ดวงปริศนาธรรม
ที่สถิตกลางเหรียญด้านหลัง

เป็นดวงธรรมสัญญาลักษ์
แทนดวงทานกุศล ศีลกุศล ภาวนากุศล(ปัญญา)
แทนคุณธรรมในหมวดไตรสิขา
อันยังประโยช์น์ให้ถึงคุณธรรม

ในความเป็นบรุษทั้ง4
จำแนกเป็น8จำพวกคือ
1.โสดาบัน แยกเป็นโสดาปฏิมรรค โสดาปฏิผล
2.สกิทาคามี แยกเป็นสกิทาคามีมรรค สกิทาคามีผล
3.อนาคามี แยกเป็นอนาคามีมรรค อนาคามีผล
4.อรหันต์ แยกเป็นอรหันตมรรค อรหันตผล

ภายในดวงธรรมสถิตดวงผังปริศนาธรรม
ที่เรียกผังผังธาตุ6 ความหมายบริสุทธิ์
มากมายมหาศาล เป็นโลกเป็นธรรม
ซึ่งมีอยู่ในกำเนิดธาตุ
กำเนิดธรรมของสัตว์ทั้งหลาย
ทั้งเข้าถึงจริงในอริยมรรค
อริยผลย้อมถึงพร้อมและเจริญทั้งโลกและธรรม

เหรียญสมบัติจักรพรรดิ นี้จึงถือเป็นความอัศจรรย์ในความละเอียดความหยาบ ของธาตุธรรม และพลังจักรพรรดิโดยแท้ คงไม่มีตำนานอัศจรรย์เกิดขึ้นได้บ่อยๆ

ภาคต่อเรื่องพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ในการสถาปนาเหรียญนี้ #สมบัติจักรพรรดิรัตนะ7
#หลวงตาม้าอธิษฐาน
#ภูติพระพุทธเจ้า #ครอบวิมานแก้ว
#หลวงพ่อเล็ก #หลวงพ่อหนุน
#พุทธาภิเษกเชิญกำลังพระรัตนตรัย
#ทำวิชาซ้อนรัตนะ9 #ทับทวีพันชั้น

อ.ต้น ธนสาร

__________________________


พระเจ้าจักรพรรดิ
เป็นผู้ครอบครองแก้ว 7 ประการ

อันได้แก่

1.จักรแก้ว (จกฺกรตฺตนํ)
เมื่อผู้ที่จะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ในวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ
พระองค์ทรงรักษาศีลอุโบสถ ชำระจิตให้สะอาดแล้วทรงทำสมาธิ
จักรแก้วก็บังเกิดขึ้น ทำจากโลหะมีค่า ส่องแสงสว่างไสว
แล้วพาพระเจ้าจักรพรรดิพร้อมเหล่าเสนาบดีลอยไปยังประเทศต่างๆ
ในทวีปทั้ง 4 ประเทศต่างๆ ก็ยอมสวามิภักดิ์ ไม่มีการสู้รบกัน
เมื่อจะถวายเครื่องบรรณาการพระเจ้าจักรพรรดิ
ก็ทรงไม่รับแต่พระราชทานโอวาทศีล 5 ให้

2.ช้างแก้ว (หตฺถีรตฺตนํ)
ช้างแก้วของพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นพญาช้าง
มีชื่อว่า อุโบสถ สีขาวเผือก สง่างาม มีฤทธิ์เดชสามารถเหาะได้
คล่องแคล่วว่องไว ฝึกหัดได้เอง สามารถพาพระเจ้าจักรพรรดิไปรอบชมพูทวีป
จรดขอบมหาสมุทร ได้ตั้งแต่เช้ารุ่ง
และกลับมาทันเวลาเสวยพระกระยาหารเช้า

3.ม้าแก้ว (อสฺสรตฺตนํ)
ม้าแก้วของพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นพญาม้า มีชื่อว่า วลาหกะ
เป็นอัศวราชผู้สง่างาม ขนงาม มีหางเป็นพวง ตรงปลายคล้ายดอกบัวตูม
มีฤทธิ์เดชเหาะเหินเดินบนอากาศได้ คล่องแคล่วว่องไว ฝึกหัดได้เอง
สามารถพาพระเจ้าจักรพรรดิไปรอบชมพูทวีป จรดขอบมหาสมุทร
ได้ตั้งแต่เช้ารุ่ง และกลับมาทันเวลาเสวยพระกระยาหารเช้า

4.มณีแก้ว (มณิรตฺตนํ)
มณีแก้วของพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นแก้วมณีเปล่งแสงสุกสกาว
ใสแวววาวยิ่งกว่าเพชร เปล่งรังสีแสงสว่างไสวโดยรอบถึง 1 โยชน์
คอยบันดาลความอุดมสมบูรณ์ทุกอย่างให้เกิดขึ้น
ดึงดูดสมบัติทั้งหลายมาให้ สามารถเลี้ยงคนได้ทั้งชมพูทวีปโดยไม่ต้องทำมาหากิน
เมื่อพระมหาจักรพรรดิทรงทดลองแก้วมณีกับกองทัพ
โดยติดแก้วมณีไว้บนยอดธงนำทัพ แก้วมณีก็เปล่งแสงสว่างไสว
ทำให้กองทัพเดินทางได้สะดวกสบาย เหมือนเดินทัพในเวลากลางวัน

5.นางแก้ว (อิตถรตฺตนํ)
นางแก้วของพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นหญิงที่มีบุญญาธิการ
รูปร่างน่าดูชม ผิวพรรณเปล่งปลั่งผ่องใส สวยงามกว่ามนุษย์ทั่วไป
พูดจาสุภาพ ไม่โกหก มีกลิ่นดอกบัวหอมฟุ้งออกจากปาก
มีกลิ่นจันทน์หอมฟุ้งรอบกาย นางแก้วเป็นผู้คอยปรนนิบัติ
พระเจ้าจักรพรรดิอย่างไม่ขาดสาย ตื่นก่อนนอนทีหลังพระเจ้าจักรพรรดิ
คอยรับฟังคำสั่งของพระเจ้าจักรพรรดิ ประพฤติชอบต่อพระเจ้าจักรพรรดิเสมอ

6.ขุนคลังแก้ว (คหปติรตฺตนํ)
คฤหบดีแก้ว หรือขุนคลังแก้ว
สามารถนำทรัพย์สินมาให้แด่พระเจ้าจักรพรรดิได้
ขุมทรัพย์อยู่ที่ไหนก็เห็นไปหมด

7.ขุนพลแก้ว (ปริณายกรตฺตนํ)
ปริณายกแก้ว หรือขุนพลแก้ว
คือพระราชโอรสองค์โตของพระเจ้าจักรพรรดิ
เป็นขุนศึกคู่ใจ เป็นบัณฑิตนักปราชญ์ มีความฉลาดเฉลียว
รู้สิ่งใดควรไม่ควร คอยให้คำแนะนำปรึกษา
แด่พระเจ้าจักรพรรดิอยู่เสมอ

__________________________________


ชนวนเปิดโลก

หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
ได้รับมอบจากคุณแม่ชีเช้ วัดถ้ำเมืองนะ
ซึ่งคุณแม่ชีเช่ ได้รับมอบจากผู้ใหญ่ มา
เพื่อใช้ในการสร้างวัตถุมงคลของวัดถ้ำเมืองนะ
และคุณแม่ชีเช่ ได้มอบให้แก่ อ.ธนสาร
เมื่อครั้งสร้างพระกริ่งโปร่งฟ้าวิริยธโรบรมจักรพรรดิ
(โปร่งฟ้า ๒) ในการนี้ อ.ธนสาร
จึงได้นำที่เหลือมาผสมชนวน
เพื่อทำการจัดสร้างเหรียญ”สมบัติจักรพรรดิรัตนะเจ็ด”
เพื่อเป็นประโยชน์แก่สามแดนโลกธาตุ

พ่อแม่ครูอาจารย์
องค์สำคัญผู้สืบทอดปฏิปทา
พระผู้จุดประทีปกลางดวงใจ”

น้อมนำอัญเชิญพลังงานภูติพุทธเจ้า
มาบังเกิดให้เป็นที่อัศจรรย์ในจิตพิศดารในใจ
ตามแนวทางแห่งพ่อแม่ครูอาจารย์
พระเดชพระคุณหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

เตรียมงานสำคัญเตรียมชนวนศักดิ์สิทธิ์
เพื่อหล่อหลอมลังเกิดเป็นรูปพุทธะ ธัมมะ สังฆะ
บังเกิดรูปแห่งพระเจ้าจักรพรรดิ
น้อมนำกระแสสมบัติจักรพรรดิ ตักไม่พร่อง

บังเกิดรูป”สมบัติจักรพรรดิรัตนะเจ็ด”
เพื่อเป็นประโยชน์แก่สามแดนโลกธาตุ

------------

พิธีปลุกเสก

๑.ชนวนทั้งหมดนำเข้าพิธีมหาระงับโรคาพินาศ
กุฏิเทพรักษา วัดบึงลาดสวาย
พิธีเสกโดย หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน ปี2563

๒.ชนวนมวลสารนำเข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษก วัตถุมงคล
วัดกำแพงแสน วันที่ ๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๓

รายนามพระเถราจารย์
-พระภาวนาวิสุทธิโสภณ (พระมหาสุรศักดิ์)
วัดประดู่ พระอารามหลวง จ.สมุทรสงคราม

- พระครูโสภิตอาจาริยวัตร วัดคลองขนอน จ.ราชบุรี
- หลวงพ่ออวยพร วัดดอนยายหอม จ.นครปฐม
-พระครูมนูญสีลสังวร(หลวงพ่อแถม) วัดช้างแทงกระจาด จ.เพชรบุรี
- หลวงพ่อสายชล วัดไร่แตงทอง จ.นครปฐม
- พระครูวิลาศกาญจนธรรม,ดร.(หลวงพ่อเล็ก) วัดท่าขนุน จ.กาญจนบุรี

๓.ชนวนนำเข้าขอเมตตา
พระคุณหลวงตาม้า วัดพุทธพรหมปัญโญ
เมตตาอธิษฐานจิตครอบวิมานแก้ว
วันที่ ๗ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๓

๔.ชนวนมวลสารนำเข้าทำความศักดิ์สิทธิ์
มรรคผลพิศดารตามแนวทางหลวงปู่วัดปากน้ำ
โดย พระอาจารย์วิริยังกุโร
วันที่ ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๓

๕.ชนวนมวลสารนำเข้าพิธีอธิษฐานจิต
ณ เรือนพระกรรมฐาน ธุดงคสถานสุทธาวงศ์มงคลราชพรหมปัญโญอนุสรณ์
วันที่ ๑๕ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๓

รายนามพระเถราจารย์

-พระครูสมุห์อภิสิทธิ์ วัดยานนาวา กรุงเทพมหานคร
บูรพาจารย์ฝ่ายโหราศาสตร์และพิธีกรรม

-พระครูปลัดพิจารย์ วิจารโณ
วัดโพธิผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา
บูรพาจารย์ฝ่ายพระเวทย์วิทยาคมและพิธีกรรม

-พระครูปลัดพรหมจริยวัฒน์ วัดประเสริฐสุทธาวาส กรุงเทพมหานคร
-พระมหาอดุลย์ วัดมะขาม จ.ปทุมธานี
-พระอาจารย์ธนัญชัย วัดศิริพงษ์ธรรมนิมิต กรุงเทพมหานคร
-พระครูสมุห์อานนท์ อานนโท วัดบึงลาดสวาย จ.นครปฐม

๖.ชนวนมวลสารนำเข้าพิธีบวงสรวงเจดีย์โพธิญาณ
และ บวงสรวงพระรัตนตรัย อธิษฐานจิตวัตถุมงคล
วันที่ ๒๓ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๓
โดย หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน

๗.พิธีบวงสรวงไหว้ครูบูรพาจารย์ เป่าโองการพระฉิม
วันที่ ๑๓ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๓

๘.พิธีบูชาครู ลงพระยันต์ ๑๐๘ นะ ๑๔
และพระปริตบทสำคัญ อธิษฐานชนวนมวลสาร
วันที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๓
พระสงฆ์จตุรวรรคสวดคาถารัตนมาลา

๙.ชนวนมวลสารแผ่นยันต์แผ่นจาร
นำเข้ากระทำความศักดิ์สิทธิ์มรรคผล
พิศดารตามแนวทางหลวงปู่วัดปากน้ำ
วันที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๓

๑๐.พระคุณหลวงตาม้า
เมตตาอธิษฐานจิตครอบวิมาน
ตามแนวทางหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

๑๑. นำเข้ากระทำความศักดิ์สิทธิ์มรรคผลพิศดารตามแนวทางหลวงปู่วัดปากน้ำ รอบกรรมฐานประจำเดือน พฤศจิกายน

๑๒.พิธีบวงสรวงบูชาพระรัตนตรัย
และพุทธาภิเษกโดยเมตตาพ่อแม่ครูอาจารย์
หลวงพ่อพระครูวิลาศกาญจนธรรรม.,ดร (หลวงพ่อเล็ก) วัดท่าขนุน
เมตตาเป็นประธานบวงสรวงและอธิษฐานจิต
วันที่ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๖๓

๑๓. สุดท้ายพิธีพุทธาภิเษก อธิษฐานจิต เหรียญ
โดยเมตตาพ่อแม่ครูอาจารย์ และ พิธีบวงสรวงบูชาพระรัตนตรัย
วันที่ ๑๘ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๖๓

- หลวงพ่อหนุน วัดพุทธโมกข์ สกลนคร ประธานจุดเทียนชัย
-พระครูสมุห์อภิสิทธิ์ วัดยานนาวา กรุงเทพมหานคร
บูรพาจารย์ฝ่ายโหราศาสตร์และพิธีกรรม

-พระครูปลัดพิจารย์ วิจารโณ
วัดโพธิผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา
บูรพาจารย์ฝ่ายพระเวทย์วิทยาคมและพิธีกรรม

-พระครูปลัดพรหมจริยวัฒน์
วัดประเสริฐสุทธาวาส กรุงเทพมหานคร

-พระมหาอดุลย์ วุฒิโก วัดมะขาม จ.ปทุมธานี
-พระครูวินัยธรอนุวัตร อมรเมโธ (มหาวัดเหนือ)
วัดวังตะเคียนทอง จ.เพชรบูรณ์

-พระอาจารย์ธนัญชัย ญาณวโร วัดศิริพงษ์ธรรมนิมิต กรุงเทพมหานคร

-พระครูสมุห์อานนท์ อานนโท วัดบึงลาดสวาย จ.นครปฐม

พระสงฆ์จตุรวรรค ๔ รูป
วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม สวดคาถาพุทธาภิเษก

๑๔.เจริญพระกรรมฐานกระทำความศักดิ์สิทธิ์
ตามแนวทางมรรคผลพิศดาร ตามแบบหลวงปู่สดวัดปากน้ำ
โดยพระอาจารย์วิริยังกุโร
วันที่ ๑๙ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๖๓

------------


#อดีตที่ผ่านพ้นตอนที่ ... ๓๘
#แก้วมณีรัตนะ

ในจักกวัตติสูตร อังคุตตรนิกาย กล่าวถึงสมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิว่า ประกอบด้วยแก้ว ๗ ประการ คือ

๑. จักกรัตนะ (จักรแก้ว) ๒. อิตถิรัตนะ (นางแก้ว) ๓. มณีรัตนะ (ดวงแก้ว) ๔. ปรินายกรัตนะ (ขุนพลแก้ว) ๕. คหปติรัตนะ (ขุนคลังแก้ว) ๖. หัตถิรัตนะ (ช้างแก้ว) ๗. อัสสรัตนะ (ม้าแก้ว)

จักรแก้ว เป็นเครื่องหมายประกาศความเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ อานุภาพแห่งจักรแก้วนั้น ยามปรากฏขึ้น จะดึงดูดเอามหาสมบัติทั้งหมดในสะดือทะเล (อยู่แถว ๆ ท้องทะเล แฮ่...) มาไว้ในท้องพระคลังหลวง และเป็นพาหนะให้ขุนพลแก้ว พาทหารทั้ง ๔ เหล่าทัพ เหาะไปปราบปรามในทวีปทั้งสี่ (เหมือนยานขนส่งอวกาศเลย...)

นางแก้ว เป็นอัครมเหสีคู่บารมีพระเจ้าจักรพรรดิ กลิ่นกายหอมเหมือนดอกอุบล หน้าหนาวเนื้อจะอุ่น หน้าร้อนเนื้อจะเย็น งามพร้อมด้วยเบญจกัลยาณีอิตถีลักษณ์ทุกประการ จะมีเทวดานำจากอุตรกุรุทวีปมาถวาย (ขอข้อยจั๊กคนแหน่...!)

ดวงแก้วมณีโชติ จะปรากฏผุดขึ้นใจกลางมหานคร แล้วเคลื่อนไปอยู่ในท้องพระคลัง ทำหน้าที่รักษาสมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิ ให้มีเพียงพอเลี้ยงดูประชากรทั้งโลก ส่องสว่างอยู่ชั่วกาลนาน (เป็นทั้งยาม ทั้งนายบัญชีเลยนิ...)

ขุนพลแก้ว ผู้ประกาศบารมีของพระเจ้าจักรพรรดิ ให้ปรากฏไปตลอดทวีปทั้ง ๔ ใครไม่ยอมสวามิภักดิ์ ก็เป็นหน้าที่ของขุนพลแก้วที่จะปราบปรามให้ราบคาบ รบกับใครไม่มีคำว่าแพ้ ถ้าพระเจ้าจักรพรรดิสละราชสมบัติ ขุนพลแก้วก็จะขึ้นเป็นพระเจ้าจักรพรรดิแทน...

ขุนคลังแก้ว เป็นผู้ดูแลทรัพย์สมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิ หากยามใดที่ทรัพย์สมบัติมีทีท่าว่าจะไม่พอเพียง ขุนคลังแก้วก็จะใช้ทิพจักขุญาณ มองหาขุมทรัพย์ใต้ดิน แล้วขุดขึ้นมาเก็บไว้ในท้องพระคลัง บ้านเมืองใดขัดสน ก็ขุดขึ้นมาให้เขาใช้จ่าย (ขอมั่งฮี่...)

ช้างแก้ว เป็นช้างเผือกตัวประเสริฐ สมบูรณ์บริบูรณ์ด้วยคชลักษณ์อันอุดมมงคล จะมาสู่โรงช้างต้นด้วยตนเอง ยามออกรบแค่ช้างศึกฝ่ายตรงข้ามได้กลิ่น ก็แตกพ่ายไปเอง (แบบว่ามันเก่งมาตั้งแต่เกิดน่ะ...ฮิ...ฮิ...)

ม้าแก้ว เป็นม้าอาชาไนยแห่งลุ่มน้ำสินธุ เกิดมาผ่าเหล่าผ่ากอ (เอ๊ะ..ชมหรือด่ากันแน่หว่า...?) ปรากฏเป็นลักษณะอันประเสริฐ มีฝีเท้าจัด ยามวิ่งเหมือนเดินบนที่ราบ (นี่มันอัสดรพันลี้ในกำลังภายในละมั้ง...?) จะเดินมาเข้ากรง เอ๊ย...โรงม้าด้วยตนเองเช่นกัน...

ในที่นี้จะกล่าวถึงเฉพาะมณีรัตนะเท่านั้น เรื่องมีอยู่ว่า หลวงปู่ครูบาชุ่ม โพธิโก แห่ง วัดไชยมงคล (วัดวังมุย) จังหวัดลำพูน ท่านเป็นหนึ่งในพระสุปฏิปันโน ที่หลวงพ่อแนะนำให้ลูก ๆ ไปทำบุญด้วย ท่านมีวิชาปรอทสำเร็จ... คือท่านสามารถนำปรอทมาเสกเป็นตัว เพื่อทำตะกรุดปรอทได้ อาตมาเคยได้มาดอกหนึ่ง (ได้ให้ลูกปุ๊ก (สุมาลี ตีรเลิศพานิช) ไปแล้ว) อันวิชาปรอทสำเร็จนั้น สุดจะยากเย็นแสนเข็ญอยู่แล้ว และความสามารถของหลวงปู่นั้น หลวงพ่อเล่าว่า...

หลวงปู่ชุ่มสามารถเข้านิโรธสมาบัติด้วยอิริยาบถทั้ง ๔ (ปกติผู้ที่เข้านิโรธสมาบัติ จะเข้าได้เฉพาะอิริยาบถใดอิริยาบถหนึ่ง ส่วนใหญ่ไม่นั่งก็นอน) ซึ่งหลวงพ่อเล่าว่าในชีวิตของท่าน ไม่เคยได้ยินว่ามีใครทำได้อย่างนี้มาก่อนเลย...

แต่ความสามารถระดับนี้ของหลวงปู่ชุ่ม ท่านทำได้แค่เสกปรอทเป็นตัวเท่านั้น หลวงปู่บอกว่า ครูบาอาจารย์ของท่านสามารถเสกปรอทเป็นแก้วได้ ปรอทนั้นมีทั้งตัวผู้ตัวเมีย ถ้าเสกปรอทตัวเมียจะเป็นแก้วราหู ถ้าเสกปรอทตัวผู้จะเป็นแก้วจักรพรรดิ...!

หลวงปู่ท่านไม่ใช่มีแต่ราคาคุยเท่านั้น ลูกศิษย์ใกล้ชิดบางท่านที่โชคดี ก็ได้รับแก้วราหูจากมือหลวงปู่ไปบูชา ส่วนแก้วจักรพรรดินั้นหลวงปู่ได้รับมาแค่องค์เดียว วันหนึ่งหลวงปู่ซึ่งทราบวาระของท่านเอง ก็ไปหาหลวงพ่อถึงวัดท่าซุง...

หลวงปู่ชุ่มได้มอบลูกแก้วจักรพรรดิแก่หลวงพ่อ พลางบอกว่า “หลวงพี่แก่แล้ว งานที่จะต้องทำไม่มีอีกแล้ว หลวงพี่ขอมอบแก้วจักรพรรดินี้ให้แก่หลวงน้องไว้ ต่อไปหลวงน้องต้องปกครองบริวารเป็นจำนวนมาก ลูกแก้วจักรพรรดินี้จะช่วยหลวงน้องได้มาก...”

หลวงพ่อสนองความเมตตาของหลวงพี่ (อดีตชาติท่านเป็นพี่จริง ๆ) รับเอาลูกแก้วจักรพรรดิไว้ หลังจากนั้นไม่นาน หลวงปู่ชุ่มก็มรณภาพ (เฮ้อ...ไม่น่ารับเล้ย รับแล้วหนีเลย) ส่วนหลวงพ่อก็พกแก้วจักรพรรดิติดองค์เรื่อยมา...

ต่อมา... “พระ” ท่านเสด็จมาบอกหลวงพ่อว่า หลวงพ่อจะต้องทำงานใหญ่ในกาลข้างหน้า ถ้าลูก ๆ ไม่มีความคล่องตัวในการเป็นอยู่ จะสนับสนุนหลวงพ่อได้ไม่เต็มที่ ขอให้ไปหาลูกแก้วมา ท่านจะช่วยเสกให้ ผู้ที่ได้ไปจะเหมือนกับมีแก้วสารพัดนึกไว้ทีเดียว...

หลวงพ่อท่านขึ้นไปที่ดาวดึงส์ ขอดูลูกแก้วจักรพรรดิของท่านปู่พระอินทร์ ปรากฏว่ามีลักษณะเหมือนของหลวงปู่ชุ่มเปี๊ยบเลย กระทั่งสีสันก็แทบไม่แตกต่างกัน ท่านปู่บอกด้วยว่า ขอให้หลวงพ่อทำตามที่พระท่านบอก ท่านปู่จะมาช่วยอีกแรงหนึ่ง...

หลวงพ่อให้ลูกศิษย์ไปหาลูกแก้วมา ลูกศิษย์ตัวดีก็เหลือเกิน ไปเหมาลูกแก้วเด็กเล่นที่บางลำพูมาทั้งกระจาด (จะให้ดีกว่านี้หน่อยก็ไม่ได้) หลวงพ่อก็เมตตาทำพิธีให้ โดยมีแก้วจักรพรรดิเป็นองค์ประธาน แล้วแจกจ่ายให้แก่ลูกศิษย์เป็นการภายใน ๒ วาระ ปรากฏว่าผู้ที่รับไปต่างก็มีผลทางด้านลาภเป็นที่น่าอัศจรรย์...

ต่อมาจึงทำแจกเป็นการสาธารณะ โดยใช้แก้วคริสตัลของออสเตรียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งผู้ที่ได้ไปก็ประสพผลในด้านต่าง ๆ ทั้งลาภผล แคล้วคลาด คงกระพัน เป็นสารพัดนึกจริง ๆ หลวงพ่อจึงเรียกว่า “แก้วมณีรัตนะ” คือ เหมือนกับมีแก้วจักรพรรดิไว้ในครอบครองนั่นเอง...

หลวงพ่อเองก็ออกปากว่า ตั้งแต่ได้แก้วจักรพรรดิมา การงานการเงินมีความคล่องตัวมาก ในองค์หลวงพ่อพกของมงคลอยู่เพียง ๒ อย่าง คือพระบรมสารีริกธาตุ และลูกแก้วจักรพรรดินี้เอง การพุทธาภิเษกทุกครั้ง หลวงพ่อต้องนำแก้วจักรพรรดิมาเป็นองค์ประธาน

ลูกแก้วจักรพรรดิที่หลวงปู่ชุ่มมอบให้ เป็นลูกแก้วขนาดเขื่องกว่าลูกปิงปองเล็กน้อย มีลวดลายคล้ายสีทองในเนื้อแก้ว เปล่งแสงสีม่วงอ่อน เหลือบรุ้งสวยงามยิ่งนัก ต่อมางานของหลวงพ่อมากขึ้นทุกที “ท่านย่า” จึงมอบแก้วให้อีก ๑ องค์ บอกว่าเป็นองค์น้อง มีขนาดเล็กกว่านิดหน่อย หลวงพ่อก็ใช้ควบคู่กันเรื่อยมา...

อาตมาพบปาฏิหาริย์ของแก้วมณีรัตนะ อย่างชัดเจนที่สุดวาระหนึ่ง คืออาตมาตีเช็คล่วงหน้าไป ถึงเวลาหาเงินเข้าบัญชีไม่ทัน ถ้าหาเงินสองแสนบาทไม่ได้ภายในสองวัน ก็คงติดคุกหัวโตกันบ้าง หันหน้าไปพึ่งใครเข้าก็เบือนเป็นแถว (อีตอนพึ่งเราละวิ่งเข้าใส่...)

หมดท่าเข้าจริง ๆ อาตมาก็พึ่งลูกแก้วของหลวงพ่อ นำลูกแก้วมาตั้งเฉพาะหน้า แล้วอธิษฐานขอเอาดื้อ ๆ จากนั้นก็ตั้งอกตั้งใจภาวนา ผลที่ออกมาเหลือเชื่อ คือมีผู้ให้ยืมเงินจำนวนสองแสนบาท โดยที่คนให้ยืมนั้น เคยเห็นหน้าอาตมาครั้งเดียวเท่านั้นเอง...!

ผู้ที่ได้แก้วมณีรัตนะรุ่นแรก (แก้วเด็กเล่น) ไป ถึงได้หวงกันเป็นนักหนา ถึงลักษณะเป็นลูกแก้วเด็กเล่น แต่อานุภาพไม่ได้ล้อเล่นด้วย ท่านปู่พระอินทร์บอกว่าอานุภาพเกือบเท่าของจริงเลยทีเดียว (มิน่าล่ะ...ขออะไรได้อย่างนั้นเลย...)

แก้วมณีรัตนะรุ่นแรกนั้น อาตมาได้รับจากหลวงปู่มหาอำพัน โดยที่ผู้ได้รับพร้อมกันมี พี่มุกดา (คุณมุกดา เพชรชื่นสกุล) เกียง (มาลินี ตีรเลิศพานิช) ลูกปุ๊ก (สุมาลี ตีรเลิศพานิช) ต่างคนต่างรักษายิ่งกว่าชีวิต เพราะของดีของมงคลที่รับจากมือครูบาอาจารย์แบบนี้ ใช่ว่ามีกันบ่อยเสียเมื่อไร รับจากคนอื่นอาจเป็นของปลอมก็ได้ใครจะรู้...!

๒๘ มีนาคม ๒๕๓๓
พระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ราคาเปิดประมูล100 บาท
ราคาปัจจุบัน1,500 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ50 บาท
วันเปิดประมูล - 26 ก.ย. 2565 - 11:06:55 น.
วันปิดประมูล - 27 ก.ย. 2565 - 12:01:26 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลnop168 (19.8K)


(0)
ข้อมูลเพิ่มเติม 1 - 26 ก.ย. 2565 - 11:07:29 น.

- เพื่อป้องกัน ความสับสน หากเปลี่ยนที่อยู่จัดส่ง กรุณาส่งข้อความแจ้งพร้อม การแจ้งโอนเงิน
- หากโอนแล้ว กรุณา แจ้ง
- พระมูลค่าปิด ต่ำกว่า 500 ขออนุญาติส่งแบบลงทะเบียน (ได้รับพระ 5-10 วันหลังส่ง)
- หากต้องการให้ส่งแบบอีเอ็มเอสเพิ่ม 30 บาท


กรุณาแจ้ง การโอนเงินทุกรายการ กรุณาแจ้งด้วยว่าจำนวนเท่าไหร่ พระอะไรครับเพื่อให้การจัดส่งรวดเร็วยิ่งขึ้น / ไม่แจ้งรายละเอียดส่งช้าครับ ++++ ผ่านMail Box ของทางเวปเท่านั้น
* สำคัญที่สุด **** ทุกยอดโอนกรุณาแจ้งทาง Mail Box G -Pra เท่านั้น


 
ราคาปัจจุบัน :     1,500 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     50 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    seksitk (3.1K)

 

Copyright ©G-PRA.COM