(0)
เหรียญเสมา8รอบ เนื้อสัตตะโลหะลงยา เลข149 หลวงปู่เฮง ปภาโส อายุ96ปี (วัดพัฒนาธรรมาราม)บ้านด่านพัฒนา ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เสก5วาระใหญ่ คลิ๊กที่ฆ้อนประมูลรายการอื่น








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องเหรียญเสมา8รอบ เนื้อสัตตะโลหะลงยา เลข149 หลวงปู่เฮง ปภาโส อายุ96ปี (วัดพัฒนาธรรมาราม)บ้านด่านพัฒนา ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เสก5วาระใหญ่ คลิ๊กที่ฆ้อนประมูลรายการอื่น
รายละเอียดเหรียญเสมา8รอบ เนื้อสัตตะโลหะลงยา เลข149 หลวงปู่เฮง ปภาโส อายุ96ปี (วัดพัฒนาธรรมาราม)บ้านด่านพัฒนา ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เสก5วาระใหญ่ คลิ๊กที่ฆ้อนประมูลรายการอื่น

พระใบฎีกาเฮง ปภาโส หลวงปู่เฮง ปภาโส วัดบ้านด่านช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์(ออกให้เป็นที่ระลึกฉลองอายุครบ8รอบ และสร้างศาลาการเปรียญวัดสะตอน้อย จ.จันทบุรี )
ปลุกเสก5วาระ#เสก_๕_วาระใหญ่
กับอีก 1 คืน ฝนตกปรอยๆ ทั้งคืน เหมือนเทพเทวดาพรมน้ำมนต์ให้ตลอดคืน
ประวัติหลวงปู่เฮง ปภาโส วัดพัฒนาธรรมาราม ( วัดบ้านด่านพัฒนาช่องจอม ) บ้านด่านพัฒนา ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์
อาจารย์ยอดเล่าเรื่องhttps://youtu.be/-EgQDx4WVbg
เนื่องในวาระอายุครบ 8 รอบ 96ปี ในวันที่ 11 ส.ค 2565 หลวงปู่เฮงท่านอยากทำนุบำรุงวัดที่ท่านเคยอยู่ครับ เลยให้ลงในเหรียญเป็น จันทบุรี และให้นำรายได้จากการจัดสร้างเหรียญรุ่นนี้ไป
จัดสร้างศาลาศาลาการเปรียญวัดสะตอน้อยครับ ส่วนวันที่ 11 ส.ค 2565 เป็นวันเกิดท่าน ครบ ๘ รอบ ด้วยคิวการจัดสร้าง แล้วท่านได้กำหนดคิวให้ตามนี้ แต่ขออนุญาติจัดสร้างเวลาครบ ๘ รอบ อย่างถูกต้องครับ
เหรียญเสมา8รอบ 96ปี หลวงปู่เฮง ปภาโส วัดบ้านด่านช่องจอม จ.สุรินทร์(ออกให้เป็นที่ระลึกฉลองอายุครบ8รอบ และสร้างศาลาการเปรียญวัดสะตอน้อย จ.จันทบุรี ) ปลุกเสก5วาระ#เสก_๕_วาระใหญ่
กับอีก 1 คืน ฝนตกปรอยๆ ทั้งคืน เหมือนเทพเทวดาพรมน้ำมนต์ให้ตลอดคืน
#วาระ ๑ หลวงปู่บุดดา ปญฺญาธโร ณ.วัดป่าใต้พัฒนราม จ.สระแก้ว
https://www.facebook.com/kobbowin/videos/274308424681073
#วาระ ๒ วันที่ 30 มีนาคม 2565 หลวงพ่อช้าง เตชปญฺโญ ณ.วัดจุกเฌอ จ.ฉะเชิงเทรา
https://www.facebook.com/kobbowin/videos/1145697569523613
#วาระ ๓ หลวงพ่อรวย อคฺคสาโร ณ.วัดมาบตาพุด จ.ระยอง
หลวงพ่อรวย อคฺคสาโร ณ.วัดมาบตาพุด จ.ระยอง เกจิเก่งแห่งยุค หลวงพ่อรวย ศิษย์เอกพระครูวิจารณ์ธรรมกิติ หรือ หลวงปู่หิน มีนามเดิมว่า หิน หอมหวาน เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม 2424 ตรงกับขึ้น 12 ค่ำ เดือน 1 ที่ ต.ทับมา อ.เมือง จ.ระยอง หลวงปู่หิน เป็นพระสงฆ์อีกรูปหนึ่งที่มีเถระประวัติอันควรค่าแก่การศึกษา สำหรับชนรุ่นหลังเป็นอย่างยิ่ง ตลอดชีวิตของการครองสมณเพศของท่าน ล้วนแต่มั่นคงอยู่ในศีลในธรรม หลวงปู่หิน เป็นพระผู้ทรงธุดงคคุณ ชอบจาริกไปอยู่ตามขุนเขาป่าดงดิบเขตประเทศพม่า โดยไม่เกรงกลัวต่อภัยอันตรายใดๆ จนมีกิตติศัพท์เลื่องลือ เป็นที่ยอมรับในทางเมตตา คงกระพันชาตรี และคาถาอาคมขลัง หลวงพ่อรวยเคยร่วมพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลร่วมกับหลวงปู่ทิมบ่อยมาก วัตถุมงคล หลวงปู่ทิม อิสริโก ย่อมรู้แก่ใจดีว่า มีพุทธคุณครอบจักรวาล เมตตามหานิยม ค้าขายร่ำรวย ยิงฟันไม่เข้า แคล้วคลาด ป้องกันภัย มหาเสน่ห์ มหาอุด รวมทั้งขับไล่ภูตผีปีศาจ กันเสนียดจัญไร ป้องกันอันตรายสารพัด วิเศษนักแล

#วาระ ๔ วันที่ 11 มิถุนายน 2565 หลวงปู่เฮง ปภาโส ณ.วัดบ้านด่านช่องจอม
https://www.facebook.com/kobbowin/videos/309412014602111
#วาระ ๕ วันที่ 12 มิถุนายน 2565 หลวงปู่เฮง ปภาโส ณ.วัด
บ้านด่านช่องจอม หลวงปู่เฮง ปภาโส ณ.วันบ้านด่านช่องจอม วัดพัฒนาธรรมาราม ( วัดบ้านด่านพัฒนาช่องจอม ) บ้านด่านพัฒนา ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์
https://www.facebook.com/kobbowin/videos/475202381039458
“หลวงปู่เฮง ปภาโส”พระเกจิชื่อดังท่านเป็นศิษย์เอกสืบทอดพุทธาคม “หลวงพ่อคง สุวัณโณ” หรือ พระครูอาคมวิสุทธิ์ อดีต เจ้าอาวาสวัดวังสรรพรส อ.ขลุง จ.จันทบุรี สมญานามว่า “เทพเจ้าแห่งเขาสมิง”
อดีต พระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดรูปหนึ่งของภาคตะวันออก เป็นพระเกจิอาจารย์ ร่วมสมัยกับหลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ จ.ระยอง
ประวัติหลวงปู่เฮง ปภาโส วัดพัฒนาธรรมาราม ( วัดบ้านด่านพัฒนาช่องจอม ) บ้านด่านพัฒนา ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์
พ่อแม่เป็นชาวกัมพูชาโดยกำเนิด ได้อพยพมาอยู่ประเทศไทยในสมัยที่ฝรั่งเศสปกครองประเทศกัมพูชา ได้มาอยู่หมู่บ้านปราสาท ต.ตาอ็อง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ประกอบอาชีพทำนาทำสวน สมรสมีบุตรด้วยกัน 13 คน(หลวงปู่เฮง ปภาโส)เป็นบุตรคนที่ 7 ปีเถาะ วันพฤหัสบดีที่ ที่ 11 เดือน สิงหาคม พ.ศ.2470 ที่หมู่บ้านปราสาทในวัยเด็กอายุประมาณ 13-14 ปี หลานของแม่คือ พระอาจารย์เฉิด ธมฺมกโร
ซึ่งท่านเป็นลูกผู้พี่ลูกของป้า(พี่สาวของแม่) ท่านได้เดินทางธุดงค์มาจากประเทศกัมพูชา ท่านได้เดินทางมาเยี่ยมญาติพี่น้องที่ประเทศไทย ท่านบอกจะเดินธุดงค์ไปเรื่อยๆ
ก่อนที่ท่านจะไปท่านได้บอกกับแม่ว่า โยมอาฉันอยากจะขอให้น้องไปด้วยโยมอา จะว่าอย่างไร ฉันจะได้สอนให้น้องได้หัดเรียนเขียนอ่านจะได้รู้หนังสือ แม่บอกว่า ตามใจจะไปก็ไปถ้าน้องอยากจะกลับก็ให้พระมาส่งน้องก็แล้วกัน
หลังจากนั้นก็ออกเดินทางธุดงค์ไปตามป่าเขาตามแนวเขตชายแดนกัมพูชา เจอลานหินใหญ่ๆท่านก็พาหยุดพักค้างคืน แต่ก่อนที่จะนอน อาจารย์ท่านจะเดินรอบๆลานหินก่อน 3 รอบ และขีดเป็นวงกลมให้นั่งให้นอนอยู่ในบริเวณที่ขีดไว้ ห้ามออกนอกพื้นที่ เจอที่พักท่านจะทำแบบนี้เป็นประจำทุกครั้ง ท่านจะสอนให้เขียนให้อ่านภาษาขอมภาษาบาลีท่านสอนอะไรมาหลวงปู่ก็เข้าใจง่ายเพราะว่าตอนอยู่บ้านโยมพ่อก็ได้สอนให้หัดเขียนหัดอ่านอยู่บ้างแล้ว และยังมีคาถาอยู่บทหนึ่งที่ท่านบอกให้ท่องให้ได้เขียนเอาไว้ท่องให้ขึ้นใจ เพราะเป็นคาถาที่สำคัญที่สุด ในเวลาที่คับขันจะได้ใช้เป็นคาถาบังตัวแคล้วคลาดปลอดภัยเมตตามหานิยมท่องเอาไว้ให้ได้ ระยะเวลาที่เดินธุดงค์ไปกับท่าน
ทำให้หลวงปู่แปลกใจอยู่หลายเรื่องแต่ก็ไม่กล้าถามมีอยู่วันหนึ่งท่านบอกให้นั่งหลับตา หลวงปู่ก็นั่งหลับตาตามที่ท่านบอก สักพักหลวงปู่ก็แอบลืมตาดูท่าน แต่ก็ไม่เห็นท่านนั่งอยู่เลย เห็นแต่เสือแต่ช้างเดินอยู่ข้างลานหินเต็มไปหมด หลวงปู่ก็กลัวก็เลยหลับตาต่อ
ลืมตาอีกครั้งก็เห็นท่านนั่งอยู่ที่เดิม แปลกใจจริงๆเวลาฝนตกเหมือนกัน แปลกใจทำไมไม่เปียก นั่งอยู่ที่ลานหินที่พักไม่มีอะไรบังแดดบังฝนเลย ฝนก็ตกแรงน้ำไหลเต็มไปหมดท่านก็ไม่เปียก หลวงปู่ก็ไม่เปียก อัศจรรย์จริงๆ
ตอนเช้าก็เหมือนกันไม่รู้ไปบิณฑบาต เอาข้าวเอาน้ำมาจากไหน ตอนเดินธุดงค์ก็ไม่เคยเดินผ่านหมู่บ้านเลยสักหลัง เวลากินข้าวท่านจะให้กินวันละ 7 คำเท่านั้น แต่ก่อนจะกินท่านจะเสกให้กินทุกครั้ง แล้วก็ออกเดินทางต่อทั้งวันไม่รู้สึกหิวเลย เวลานอนก็เหมือนกันเสื่อไม่มีปูนอนผ้าก็ไม่มีห่มแต่ก็ไม่มียุงกัดหนาวก็ไม่หนาว ร้อนก็ไม่ร้อนเวลานอนท่านจะหักใบไม้มาปัดกวาดให้ก่อน แล้วก็ขีดเป็นวงกลมรอบๆลานหินที่พักก่อนที่ท่านจะให้นอนตลอดระยะเวลาที่เดินธุดงค์อยู่ในป่ากับท่านนานถึง 14 เดือน
ได้รู้ได้เห็นอะไรหลายอย่างที่ท่านได้สั่งสอนอักขระจนแตกฉานทุกตัวท่านก็กลับพามาส่งที่ประเทศไทยแล้วท่านก็เดินทางกลับประเทศกัมพูชาและท่านก็ได้มรณภาพอายุ 97 ปี ที่ประเทศกัมพูชาเมื่อหลายสิบปีแล้ว ท่านคือครูบาอาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาอาคมให้หลวงปู่ คือ พระอาจารย์เฉิด ธมฺมกโร ญาติท่านเอง
หลังจากท่านได้ส่งหลวงปู่กลับบ้าน ตอนนั้นหลวงปู่อายุประมาณ 15-16 ปี โยมพ่อโยมแม่ก็ให้บวชเณรเรียนหนังสือไทยและบาลีเพิ่มเติม สอบได้นักธรรมโท พออายุครบ 21 ปี ก็ไปเป็นทหารอยู่ที่ลพบุรี ที่กรมทหารม้าลพบุรี เลี้ยงม้าขี่ม้าอยู่กรมทหาร 3 ปี ก็ปลดจากการเป็นทหาร ตอนนั้นก็ได้เริ่มออกเที่ยวไปในหลายจังหวัดหลายอำเภอ เที่ยวไปเที่ยวมาก็กลายเป็นเสือเป็นนักเลง ปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายต่อหลายครั้งไม่ได้รับอันตรายเลย แคล้วคลาดปลอดภัยทุกครั้งในหลายจังหวัดอยู่ไม่ได้ ชัยภูมิ-ร้อยเอ็ด-ศรีสะเกษ-บุรีรัมย์-สุรินทร์ที่ปะทะกับเจ้าหน้าที่นานที่สุดคือที่หมู่บ้านกะดาษ-
บ้านโคกทม จ.สุรินทร์ นานถึง 8 ชั่วโมง ก็หนีรอด และต่อมาก็ได้ย้อนกลับมาบ้าน เพราะคิดถึงโยมแม่ พอมาถึงบ้าน
พ่อแม่ตกใจเพราะหายไปนาน แม่บอกว่าเมื่อเช้านี่เองแม่ได้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ แม่นึกว่าเองตายไปแล้วเห็นหายไปนานถึงว่าสิแม่ผมอยู่ไม่ถูกเลย มันร้อนรนบอกไม่ถูก อยากจะกลับมาหาแม่ แม่บอกว่า อย่าอยู่เลยลูกเอ๋ยให้หลบไปก่อน ตำรวจมาตามหาที่บ้านทุกวันเลย
จากนั้นในปี 2492 ก็ได้เดินทางหลบไปอยู่ที่ประเทศกัมพูชา 3 ปี และในปี พ.ศ.2495 ได้กลับมาที่ จ.จันทบุรี อยู่ระยะหนึ่งก็ได้บวชอยู่กับ หลวงพ่อคง สุวณฺโณ ที่วัดวังสรรพรส ต.บ่อ อ.ขลุง จ.จันทบุรี ตอนที่จำพรรษาอยู่วัดวังสรรพรสท่านให้เป็นผู้จารอักขระวัตถุมงคลที่ท่านสร้างท่านจะเขียนเป็นภาษาไทยมาให้ หลวงปู่ก็จะจารเป็นภาษาขอมให้ท่านเพราะว่าตอนนั้นท่านยังไม่เก่งภาษาขอม หลวงปู่เป็นผู้จารท่านจะเป็นผู้ปลุกเสกตอนหลัง
ท่านเรียนรู้ท่านก็เก่งมากมีอยู่ครั้งหนึ่งท่านทำพิธีปลุกเสกปลัดขิกของท่าน ท่านได้นิมนต์หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ มานั่งปลุกเสกร่วมท่านจะทำที่นั่งอยู่ที่สูงมาก จุดธูปเทียนอยู่ข้างบนท่านจะนั่งคู่กัน อยู่ที่สูงๆและหย่อนด้ายสายสินธุ์ลงมาที่กะละมังใบใหญ่ที่ท่านใส่น้ำลอยปลัดขิกเอาไว้ สายสินธุ์ที่ท่านหย่อนมาเส้นใหญ่มากๆเส้นเท่าแขนและท่านก็นิมนต์พระมานั่งล้อมรอบจับด้ายสายสินธุ์นั่งปรกอธิษฐานจิตที่กะละมังปลัดขิกอยู่ชั้นล่าง
หลวงปู่ก็ได้นั่งปลุกเสกร่วมกับท่านด้วยเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ปลัดขิกวิ่งวนชนกันอยู่ในน้ำที่กะละมังใบใหญ่ ท่านบอกว่าตัวไหนมันตายจะไม่วิ่ง มันจะจมน้ำ ตัวไหนที่มันไม่ตายมัน
จะวิ่งวนชนกันอยู่อย่างนั้นแหละ หลวงปู่เห็นกับตาอัศจรรย์จริงๆ ตอนนั้นหลวงปู่ไม่ได้จำพรรษาอยู่กับท่านได้ออกธุดงค์และได้พัฒนาสร้างวัดสร้างศาลาสร้างพระอุโบสถไว้หลายแห่งที่จังหวัดจันทบุรี
พ.ศ.2492 ไปอยู่ที่เขมร และเดินทางกลับปี พ.ศ.2495 ย้ายไปอยู่ จ.จันทบุรี เมื่อพบกับหลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส จึงตัดสินใจบวช
ได้รับการถ่ายทอดวิทยาคม อักขระเลขยันต์ ภาษาขอม เขียนผงลบผง สักยันต์ และคาถาต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะคาถาคงกระพันชาตรี ย่นระยะทาง ท่านมุ่งมั่นศึกษาจนมีความชำนาญ
กระทั่งหลวงพ่อคงไว้ใจให้เขียนยันต์ อักขระแทน และเข้าร่วมปลุกเสกด้วย
ตอนที่หลวงปู่เฮงท่านจำพรรษาอยู่ หลวงพ่อคง สุวณฺโณ ที่วัดวังสรรพรส ต.บ่อ อ.ขลุง จ.จันทบุรี
หลวงปู่เฮง ท่านให้เป็นผู้จารอักขระวัตถุมงคลที่ท่านสร้างท่านจะเขียนเป็นภาษาไทยมาให้ หลวงปู่ก็จะจาร
เป็นภาษาขอมให้ท่านเพราะว่าตอนนั้นท่านยังไม่เก่งภาษาขอม หลวงปู่เฮงเป็นผู้จาร หลวงพ่อคงท่านจะเป็นผู้ปลุกเสกตอนหลัง
ท่านเรียนรู้ท่านก็เก่งมากมีอยู่ครั้งหนึ่งท่านทำพิธีปลุกเสกปลัดขิกของท่าน ท่านได้นิมนต์หลวงพ่ออี๋
วัดสัตหีบ มานั่งปลุกเสกร่วมท่านจะทำที่นั่งอยู่ที่สูงมาก จุดธูปเทียนอยู่ข้างบนท่านจะนั่งคู่กัน
อยู่ที่สูงๆและหย่อนด้ายสายสินธุ์ลงมาที่กะละมังใบใหญ่ที่ท่าน
ใส่น้ำลอยปลัดขิกเอาไว้ สายสินธุ์ที่ท่านหย่อนมาเส้นใหญ่มากๆเส้นเท่าแขน
และท่านก็นิมนต์พระมานั่งล้อมรอบจับด้ายสายสินธุ์นั่งปรกอธิษฐานจิตที่กะละมังปลัดขิกอยู่ชั้นล่าง
หลวงปู่ก็ได้นั่งปลุกเสกร่วมกับท่านด้วยเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ปลัดขิกวิ่งวนชนกันอยู่ในน้ำ
ที่กะละมังใบใหญ่ ท่านบอกว่าตัวไหนมันตายจะไม่วิ่ง มันจะจมน้ำ ตัวไหนที่มันไม่ตายมัน
จะวิ่งวนชนกันอยู่อย่างนั้นแหละ หลวงปู่เห็นกับตาอัศจรรย์จริงๆ ตอนนั้นหลวงปู่ไม่ได้จำพรรษาอยู่
กับท่านได้ออกธุดงค์และได้พัฒนาสร้างวัดสร้างศาลาสร้างพระอุโบสถไว้หลายแห่งที่จังหวัดจันทบุรี
พ.ศ.2532 หลวงพ่อคงมรณภาพลง หลวงปู่เฮง ปภาโสจึงได้รับการแต่งตั้ง เป็นเจ้าอาวาสวัดวังสรรพรส แทน แต่อยู่ได้เพียง 6 พรรษา ก็ขอลาออก และธุดงค์ไปเรื่อยๆ
จนกระทั่งกลับมาบ้านเกิดอยู่จำพรรษาที่วัดบ้านเกิด คือวัดบ้านด่านช่องจอม อ.กาบเชิงจ.สุรินทร์ จนถึงปัจจุบัน
เป็นพระเกจิอาจารย์ที่ชาวอีสานใต้และชาวกัมพูชาแถบชายแดน ให้ความเลื่อมใสศรัทธา ด้วยเป็นพระที่เปี่ยมด้วยเมตตาธรรม ยามได้รับกิจนิมนต์ไปงานบุญต่างๆ ไม่เคยปฏิเสธ แม้ว่าอายุจะย่างเข้าสู่วัยชราและมีปัญหาด้านสุขภาพตามวัย
ส่วนกิจนิมนต์ในพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลตามวัดต่างๆ ต้อง เดินทางเข้าร่วมพิธีเสมอ
ด้านวัตถุมงคลที่อธิษฐานจิตปลุกเสกนั้น ล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์เล่าขาน ทำให้บรรดานักสะสมนิยมพระเครื่องวัตถุมงคลต่างเสาะแสวงหามาบูชาครอบครองติดตัว
เกียรติคุณบารมี รวมทั้งพุทธาคมและพลังจิต ทำให้ได้รับการยกย่องว่าเป็น พระเกจิอาจารย์ชื่อดังของจังหวัด

พศ.2560 หลวงปู่เฮงร่วมปลุกเสกเหรียญรวยๆเฮงๆหลวงพ่อรวยปี 60 เหรียญรุ่นนี้ มีประสบการณ์สูงมีคนรอดตายเพราะเหรียญรุ่นนี้เป็นข่าวดังมากครับในปี 2563
ผู้รอดชีวิตเล่านาที นั่งกำเหรียญหลวงพ่อรวย สวดมนต์ ภาวนา ก่อนภาพตัด รอดปาฏิหาริย์
https://www.komchadluek.net/news/445866
ราคาเปิดประมูล625 บาท
ราคาปัจจุบัน650 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ25 บาท
วันเปิดประมูล - 27 มี.ค. 2566 - 21:35:49 น.
วันปิดประมูล - 01 เม.ย. 2566 - 20:58:26 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลหนานหนัด (1.2K)


(0)
ข้อมูลเพิ่มเติม 1 - 27 มี.ค. 2566 - 21:37:40 น.



เหรียญเสมา8รอบ เนื้อสัตตะโลหะลงยา เลข149 หลวงปู่เฮง ปภาโส อายุ96ปี (วัดพัฒนาธรรมาราม)บ้านด่านพัฒนา ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เสก5วาระใหญ่ คลิ๊กที่ฆ้อนประมูลรายการอื่น

พระใบฎีกาเฮง ปภาโส หลวงปู่เฮง ปภาโส วัดบ้านด่านช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์(ออกให้เป็นที่ระลึกฉลองอายุครบ8รอบ และสร้างศาลาการเปรียญวัดสะตอน้อย จ.จันทบุรี )
ปลุกเสก5วาระ#เสก_๕_วาระใหญ่


ข้อมูลเพิ่มเติม 2 - 27 มี.ค. 2566 - 21:40:35 น.



เหรียญเสมา8รอบ เนื้อสัตตะโลหะลงยา เลข149 หลวงปู่เฮง ปภาโส อายุ96ปี (วัดพัฒนาธรรมาราม)บ้านด่านพัฒนา ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เสก5วาระใหญ่ คลิ๊กที่ฆ้อนประมูลรายการอื่น

พระใบฎีกาเฮง ปภาโส หลวงปู่เฮง ปภาโส วัดบ้านด่านช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์(ออกให้เป็นที่ระลึกฉลองอายุครบ8รอบ และสร้างศาลาการเปรียญวัดสะตอน้อย จ.จันทบุรี )
ปลุกเสก5วาระ#เสก_๕_วาระใหญ่


 
ราคาปัจจุบัน :     650 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     25 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    1110444 (1.2K)

 

Copyright ©G-PRA.COM