ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : สืบสานตำนานปฐมบทองค์หลวงพ่อทวด วัดดีหลวง เหรียญรุ่นแรกของโลก



(N)
สืบสานตำนานปฐมบทองค์หลวงพ่อทวด วัดดีหลวง เหรียญรุ่นแรกของโลก จากตำนานสู่เหรียญรุ่นแรกที่จะทำให้ผู้คนได้รับรู้ประวัติองค์หลวงปู่ทวด และความเกี่ยวข้องกับวัดดีหลวงที่มีประวัติศาสตร์ และเพื่อเป็นการรักษาไว้ซึ่งประวัติศาสตร์มิให้ลืมเลือนหายไปในอนาคต เชิญติดตามข้อมูลกับได้ครับผมพี่ๆ อีกหนึ่งงานบุญ

โดยคุณ เหมยขาบ (2.6K)  [จ. 07 ม.ค. 2556 - 20:09 น.]



โดยคุณ เหมยขาบ (2.6K)  [จ. 07 ม.ค. 2556 - 20:10 น.] #2630218 (1/44)


(N)
ทำไมถึงต้องสร้างเหรียญรุ่นแรกของโลก ที่วัดดีหลวงเท่านั้น......?

โดยคุณ spiderdesign (169)  [จ. 07 ม.ค. 2556 - 20:13 น.] #2630221 (2/44)
เห็นเบลอๆ แต่รู้ว่ามีดีแน่ๆ อีกแล้ว

โดยคุณ artanha (810)  [จ. 07 ม.ค. 2556 - 20:14 น.] #2630222 (3/44)
ต้องติดตามต่อครับ

โดยคุณ เหมยขาบ (2.6K)  [จ. 07 ม.ค. 2556 - 20:15 น.] #2630225 (4/44)


(N)
เข้าสู่รมกาสาวพัตร์ ณ วัดดีหลวง

โดยคุณ phichet (13.8K)  [จ. 07 ม.ค. 2556 - 20:15 น.] #2630226 (5/44)
ร่วมติดตามชมครับ

โดยคุณ artanha (810)  [จ. 07 ม.ค. 2556 - 20:16 น.] #2630235 (6/44)
ตามไปเรื่อยๆๆๆๆๆ

โดยคุณ เหมยขาบ (2.6K)  [จ. 07 ม.ค. 2556 - 20:18 น.] #2630237 (7/44)


(N)
สถานที่ทางประวัติศาสตร์ ถือเป็นสถานที่ๆ มีความสำคัญ ซึ่งถูกผูกเรื่องราวไว้ เจตนาการสร้างเหรียญรุ่นแรกของโลกครั้งนี้ ก็เพื่อต้องการให้ผู้ที่รักและศรัทธาองค์หลวงพ่อทวดได้ทราบประวัติท่านและช่วยกันเผยแพร่บารมีองค์หลวงพ่อทวดต่อไปยังรุ่นลูก รุ่นหลาน

โดยคุณ เหมยขาบ (2.6K)  [จ. 07 ม.ค. 2556 - 20:19 น.] #2630244 (8/44)


(N)
และอยากให้เกิดการพัฒนา อนุรักษ์สถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญ............

โดยคุณ artanha (810)  [จ. 07 ม.ค. 2556 - 20:26 น.] #2630260 (9/44)
มีใครจินตนาการออกหรือยังครับ......

โดยคุณ เหมยขาบ (2.6K)  [จ. 07 ม.ค. 2556 - 20:29 น.] #2630265 (10/44)


(N)
สถานที่ปฐมบทตำนานองค์หลวงพ่อทวด เริ่มต้นที่ ณ วัดดีหลวง แห่งนี้......

โดยคุณ เหมยขาบ (2.6K)  [จ. 07 ม.ค. 2556 - 20:30 น.] #2630267 (11/44)


(N)
หลวงลุงองค์หลวงพ่อทวดที่เรานับถือ ณ วัดดีหลวง

โดยคุณ ดาวอังคาร (368)  [จ. 07 ม.ค. 2556 - 20:32 น.] #2630269 (12/44)

โดยคุณ เหมยขาบ (2.6K)  [จ. 07 ม.ค. 2556 - 20:34 น.] #2630274 (13/44)


(N)
จนกลายเป็นที่มา แห่ง เหรียญรุ่นแรกของโลก ที่ทำเพื่อบันทึกเรื่องราวทางประวัติศาสตร์แห่งองค์หลวงพ่อทวด ณ วัดดีหลวง เหรียญ สามเณรปู

โดยคุณ artanha (810)  [จ. 07 ม.ค. 2556 - 20:35 น.] #2630275 (14/44)
ไกล้แล้วววววววว

โดยคุณ เหมยขาบ (2.6K)  [จ. 07 ม.ค. 2556 - 20:37 น.] #2630276 (15/44)


(N)
อีกหนึ่งงานบุญ เร็วๆ นี้เต็มพบกับแบบเหรียญตะกั่วลองพิมพ์กันครับผม ร่วมทำบุญเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ร่วมกันครับพี่ๆ

โดยคุณ พระเมตตา (71)  [จ. 07 ม.ค. 2556 - 20:37 น.] #2630279 (16/44)
สุดยอดครับ

โดยคุณ artanha (810)  [จ. 07 ม.ค. 2556 - 20:38 น.] #2630282 (17/44)
ความลับ เหรียยรุ่นแรก ได้เปิดเผยไปเรียบร้อยแล้วววววว

โดยคุณ บ้านพระสราวุฒิ (718)  [จ. 07 ม.ค. 2556 - 20:39 น.] #2630285 (18/44)
เยี่ยมมากครับ

โดยคุณ ดาวอังคาร (368)  [จ. 07 ม.ค. 2556 - 20:40 น.] #2630288 (19/44)

โดยคุณ artanha (810)  [จ. 07 ม.ค. 2556 - 20:49 น.] #2630308 (20/44)
เป็นไงกันบ้างคนสำหรับเหรียญ สามเณร "ปู" (หลวงปู่ทวด)

โดยคุณ gotton (1.1K)(1)   [จ. 07 ม.ค. 2556 - 21:04 น.] #2630332 (21/44)

โดยคุณ nong_yoon (73)  [จ. 07 ม.ค. 2556 - 21:27 น.] #2630364 (22/44)

โดยคุณ ksubsamr (961)  [จ. 07 ม.ค. 2556 - 21:27 น.] #2630365 (23/44)

โดยคุณ เหมยขาบ (2.6K)  [จ. 07 ม.ค. 2556 - 21:36 น.] #2630380 (24/44)
พรุ่งนี้เตรียมพบกับเหรียญรุ่นแรกของโลก ภาพชัดๆ 79% รอชมกันได้นะครับผม

โดยคุณ พรโกสีย์ (7.5K)  [จ. 07 ม.ค. 2556 - 21:36 น.] #2630381 (25/44)

โดยคุณ ออสก้า99 (7.3K)  [จ. 07 ม.ค. 2556 - 21:38 น.] #2630384 (26/44)




โดยคุณ สายหนึ่งบางแค (1.7K)  [จ. 07 ม.ค. 2556 - 22:04 น.] #2630426 (27/44)

โดยคุณ phichet (13.8K)  [จ. 07 ม.ค. 2556 - 22:05 น.] #2630432 (28/44)

โดยคุณ ธนกิต (17.7K)(1)   [จ. 07 ม.ค. 2556 - 22:07 น.] #2630439 (29/44)

โดยคุณ JCainfo (5.8K)  [จ. 07 ม.ค. 2556 - 22:18 น.] #2630461 (30/44)
สาระสำคัญ คือตรงนี้ครับ

โดยคุณ JCainfo (2498) (110.169.216.*) [6 Jan 2013 21:58] #2629097 (16/34)
สามีราโม

เมื่อกาลล่วงมานานจนเด็กชายปูอายุได้เจ็ดขวบ บิดาได้นำไปฝากสมภารจวง วัดกุฏิหลวง (วัดดีหลวง) เพื่อให้เล่าเรียนหนังสือเด็กชายปูมีความเฉลียวฉลาดมาก สามารถเรียนหนังสือขอมและไทยได้อย่างรวดเร็ว ...

โดยคุณ kor_kai (1.1K)(1)   [จ. 07 ม.ค. 2556 - 23:28 น.] #2630591 (31/44)


งานบุญล้วนๆ ที่ร่วมสืบสานประวัืิติศาสตร์ขององค์หลวงพ่อทวดครับ...รอร่วมบุญคร้าบ...

โดยคุณ เหมยขาบ (2.6K)  [จ. 07 ม.ค. 2556 - 23:43 น.] #2630603 (32/44)
เปิดให้จองทั่วประเทศพร้อมกัน มีนาคม นี้เจอกันทุกศูนย์พระชั้นนำครับผม รอร่วมบุญกันได้เลยครับผมพี่ๆ จะทะยอยอัพเดตข้อมูลให้พี่ๆ ทราบอย่างต่อเนื่องนะครับผม

โดยคุณ kor_kai (1.1K)(1)   [อ. 08 ม.ค. 2556 - 00:31 น.] #2630632 (33/44)
โดยคุณ เหมยขาบ (1071)(1) (171.4.97.*) [7 Jan 2013 23:43] #2630603 (32/32)
เปิดให้จองทั่วประเทศพร้อมกัน มีนาคม นี้เจอกันทุกศูนย์พระชั้นนำครับผม รอร่วมบุญกันได้เลยครับผมพี่ๆ จะทะยอยอัพเดตข้อมูลให้พี่ๆ ทราบอย่างต่อเนื่องนะครับผม
=============================================================
ยอดเยี่ยมมากๆ ครับ...จะรอติดตามความคืบหน้าและข่าวนะคร้าบ...

โดยคุณ pukky (2.8K)  [อ. 08 ม.ค. 2556 - 00:32 น.] #2630633 (34/44)

โดยคุณ conmisilp (5.3K)  [อ. 08 ม.ค. 2556 - 01:35 น.] #2630666 (35/44)
สุดยอดครับ

โดยคุณ kosiew (2.5K)  [อ. 08 ม.ค. 2556 - 07:00 น.] #2630747 (36/44)
.............

โดยคุณ artanha (810)  [อ. 08 ม.ค. 2556 - 07:15 น.] #2630750 (37/44)
ประวัติ หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด

สมเด็จเจ้าพะโคะหรือหลวงพ่อทวด เป็นที่รู้จักของชาวไทยทุกภูมิภาคในฐานะพระศักดิ์สิทธิ์ที่มีอิทธิปาฏิหาริย์และอภิญญาแก่กล้าจนได้สมญาว่าหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ประวัติอันพิสดารของท่านมีเล่าสืบกันมาไม่รู้จบสิ้น ยิ่งนานวันยิ่งซับซ้อนและขยายวงกว้างออกไปกลายเป็นความเชื่อความศรัทธาอย่างฝังใจ

หลวงปู่ทวดเป็นบุคคลที่มีตัวตนจริงๆ เรื่องราวต่อไปนี้ผู้เขียนได้รวบรวมจากหนังสืออ้างอิงหลายเล่มทั้งที่เป็นตำนานหลักฐานทางประวัติศาสตร์ หนังสือและเอกสารต่างๆ พอจะให้ท่านผู้อ่านได้ทราบว่า หลวงพ่อทวดคือใคร เกิดในสมัยใดและได้สร้างคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติและพระศาสนาไว้อย่างไรบ้าง เพื่อเป็นคติเตือนใจแก่อนุชนรุ่นหลังสืบไป

ทารกอัศจรรย์

เมื่อประมาณสี่ร้อยปีที่ผ่านมาในตอนปลายรัชสมัยของพระมหาธรรมราชา แห่งกรุงศรีอยุธยา ณ หมู่บ้านสวนจันทร์ ตำบลชุมพล เมืองจะทิ้งพระตรงกับวันศุกร์ เดือนสี่ ปีมะโรง พุทธศักราช 2125 ได้มีทารกเพศชายผู้หนึ่งถือกำเนิดจากครอบครัวเล็กๆ ฐานะยากจนแร้นแค้น แต่มีจิตอันเป็นกุศล ชอบทำบุญสุนทานยึดมั่นในศีลธรรมอันดี ปราศจากการเบียดเบียนมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย ทารกน้อยผู้

นี้มีนายว่า เป็นบุตรของนายหู นางจันทร์ ในขณะเยาว์วัย ทารกผู้นั้นยังความอัศจรรย์ให้แก่บิดามารดาตลอดจนญาติพี่น้องทั้งหลาย ด้วยอยู่มาวันหนึ่งมีงูตระบองสลาตัวใหญ่มาขดพันอยู่รอบเปลที่ทารกน้อยนอนหลับอยู่ และงูใหญ่ตัวนั้นไม่ยอมให้ใครเข้ามาใกล้เปลที่ทารกน้อยนอนอยู่เลย จนกระทั่งบิดามารดาของเด็กเกิดความสงสัยว่า พญางูตัวนั้นน่าจะเป็นเทพยดาแปลงมาเพื่อให้เห็นเป็นอัศจรรย์ในบารมีของลูกเราเป็นแน่แท้ จึงรีบหาข้าวตอกดอกไม้และธูปเทียนมาบูชาสักการะ งูใหญ่จึงคลายลำตัวออกจากเปลน้อย เลื้อยหายไป ต่อมาเมื่อพญางูจากไปแล้ว บิดามารดาทั้งญาติต่างพากันมาที่เปลด้วยความห่วงใยทารก ก็ปรากฏว่าเด็กชายปูยังคงนอนหลับอยู่เป็นปกติ แต่เหนือทรวงอกของทารกกลับมีดวงแก้วดวงหนึ่งมีแสงรุ่งเรืองเป็นรัศมีหลากสี ตาหู นางจันทร์จึงเก็บรักษาไว้ นับแต่บัดนั้นฐานะความเป็นอยู่การทำมาหากินก็จำเริญรุ่งเรืองขึ้นเป็นลำดับอยู่สุขสบายตลอดมา

สามีราโม

เมื่อกาลล่วงมานานจนเด็กชายปูอายุได้เจ็ดขวบ บิดาได้นำไปฝากสมภารจวง วัดกุฏิหลวง (วัดดีหลวง) เพื่อให้เล่าเรียนหนังสือเด็กชายปูมีความเฉลียวฉลาดมาก สามารถเรียนหนังสือขอมและไทยได้อย่างรวดเร็ว ครั้นอายุได้ 15 ปี ก็บรรพชาเป็นสามเณรและบิดาได้มอบแก้ววิเศษไว้เป็นของประจำตัว ต่อมาสามเณรปูได้ไปศึกษาต่อกับสมเด็จพระชินเสน ที่วัดสีหยัง (สีคูยัง) ครั้นอายุครบอุปสมบทจึงได้เดินทางไปศึกษาต่อที่นครศรีธรรมราช ณ สำนักพระมหาเถระปิยทัสสี ได้ทำการอุปสมบทมีฉายาว่า ราโม ธมฺมิโก แต่คนทั่วไปเรียกท่านว่า เจ้าสามีราม หรือเจ้าสามีราโม เจ้าสามีรามได้ศึกษาอยู่ที่วัดท่าแพ วัดสีมาเมือง และวัดอื่นๆ อีกหลายวัด เมื่อเห็นว่าการศึกษาที่นครศรีธรรมราชเพียงพอแล้วจึงขอโดยสารเรือสำเภาเดินทางไปกรุงศรีอยุธยา ขณะเดินทางถึงเมืองชุมพร เกิดคลื่นทะเลปั่นป่วน เรือไม่สามารถแล่นฝ่าคลื่นลมไปได้ต้องทอดสมออยู่ถึงเจ็ดวัน ทำให้เสบียงอาหารและน้ำหมดบรรดาลูกเรือตั้งข้อสงสัยว่าการที่เกิดเหตุอาเพศในครั้งนี้เพราะเจ้าสามีราม จึงตกลงใจให้ส่งเจ้าสามีรามขึ้นเกาะและได้นิมนต์ให้เจ้าสามีรามลงเรือมาด ขณะที่นั่งอยู่ในเรือมาดนั้น ท่านได้ห้อยเท้าแช่ลงไปในทะเลก็บังเกิดอัศจรรย์น้ำทะเลบริเวณนั้นเป็นประกายแวววาวโชติช่วง

เจ้าสามีรามจึงบอกให้ลูกเรือตักน้ำขึ้นมาดื่มก็รู้สึกว่าเป็นน้ำจืด จึงช่วยกันตักไว้จนเพียงพอ นายสำเภาจึงนิมนต์ให้ท่านขึ้นสำเภาอีก และตั้งแต่นั้นมาเจ้าสามีรามก็เป็นชีต้นหรืออาจารย์สืบมา

เมื่อถึงกรุงศรีอยุธยา ก็ได้ไปพำนักอยู่ที่วัดแค ศึกษาธรรมะที่ วัดลุมพลีนาวาส ต่อมาได้ไปพำนักอยู่ที่วัดของสมเด็จพระสังฆราช ได้ศึกษาธรรมและภาษาบาลี ณ ที่นั้นจนเชี่ยวชาญจึงทูลลาสมเด็จพระสังฆราชไปจำพรรษาที่วัดราชนุวาส เมื่อประมาณ พ.ศ. 2149 ตรงกับรัชสมัยของสมเด็จพระเอกาทศรถ


สถูปเจดีย์ หลวงปู่ทวด

รบด้วยปัญญา

กระทั่งวันหนึ่งถึงกาลเวลาที่ชื่อเสียงของหลวงปู่ทวดหรือเจ้าสามีรามจะระบือลือลั่นไปทั่วกรุงสยาม จึงได้มีเหตุพิสดารอุบัติขึ้นในรัชสมัยของพระเอกาทศรถ กล่าวคือ สมัยนั้นพระเจ้าวัฏฏะคามินี แห่งประเทศลังกา ซึ่งเคยเป็นเมืองขึ้นของอาณาจักรแหลมทองทางภาคใต้ คิดแก้มือด้วยการท้าพนันแปลธรรมะ และต้องการจะแผ่พระบรมเดชานุภาพมาทางแหลมทอง ใคร่จะได้กรุงศรีอยุธยามาเป็นประเทศราช แต่พระองค์ไม่ปรารถนาให้เกิดศึกสงครามเสียชีวิตแก่ประชาชนทั้งสองฝ่าย จึงทรงวางแผนการเมืองด้วยสันติวิธี คิดหาทางรวบรัดเอากรุงศรีอยุธยาเป็นเมืองขึ้นด้วยสติปัญญาเป็นสำคัญ เมื่อคิดได้ดังนั้น พระเจ้ากรุงลังกาจึงมีพระบรมราชโองการสั่งให้พนักงาน ท้องพระคลังเบิกจ่ายทองคำบริสุทธิ์แล้วให้ช่างทองประจำราชสำนักไปหล่อ ทองคำเหล่านั้นให้เป็นตัวอักษรบาลีเล็กเท่าใบมะขาม ตามพระอภิธรรมทั้งเจ็ดคัมภีร์ จำนวน 84,000 ตัว จากนั้นก็ทรงรับสั่งให้พราหมณ์ผู้เฒ่าอันมีฐานะเทียบเท่าปุโรหิตจำนวนเจ็ดท่านคุมเรืองสำเภาเจ็ดลำบรรทุกเสื้อผ้าแพรพรรณ และของมีค่าออกเดินทางมายังกรุงศรีอยุธยาพร้อมกับปริศนาธรรมของพระองค์

เมื่อพราหมณ์ทั้งเจ็ดเดินทางลุล่วงมาถึงกรุงสยามแล้วก็เข้าเฝ้าถวายพระราชสาส์นของกษัตริย์ตนแก่พระเจ้าเอกาทศรถ มีใจความในพระราชสาส์นว่าพระเจ้ากรุงลังกาขอท้าให้พระเจ้ากรุงสยามทรงแปลและเรียบเรียงเมล็ดทองคำตามลำดับให้เสร็จภายในกำหนดเจ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับพระราชสาส์นนี้เป็นต้นไป ถ้าทรงกระทำไม่สำเร็จตามสัญญาก็จะยึดกรุงศรีอยุธยาให้อยู่ใต้พระบรมเดชานุภาพของพระองค์ และทางกรุงสยามจะต้องส่งดอกไม้เงินดอกไม้ทองอีกทั้งเครื่องราชบรรณาการแก่กรุงลังกาตลอดไปทุกๆ ปีเยี่ยงประเทศราชทั้งหลาย

พระสุบินนิมิต

รูปหล่อหลวงปู่ทวด ปางธุดงค์ วัดพะโคะ

เมื่อพระเอกาทศรถทรงทราบความ ดังนั้น จึงมีพระบรมราชโองการให้สังฆการีเขียนประกาศนิมนต์พระราชาคณะและพระเถระทั่วพระมหานคร ให้กระทำหน้าที่เรียบเรียงและแปลตัวอักษรทองคำในครั้งนี้ แต่ก็ไม่มีท่านผู้ใดสามารถเรียบเรียงและแปลอักษรทองคำในครั้งนี้ได้จนกาลเวลาลุล่วงผ่านไปได้หกวัน ยังความปริวิตกแก่พระองค์และไพร่ฟ้าประชาชนต่างพากันโจษขานถึงเรื่องนี้ให้อื้ออึงไปหมด

ครั้นราตรีกาลยามหนึ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเข้าพระบรรทมทรงสุบินว่า ได้มีพระยาช้างเผือกลักษณะบริบูรณ์เฉกเช่นพระยาคชสารเชือกหนึ่ง ผายผันมาจากทางทิศตะวันตก เยื้องย่างเข้ามาในพระราชนิเวศน์แล้วก้าวเข้าไปยืนผงาดตระหง่านบนพระแท่นพลางเปล่งเสียงโกญจนาทกึกก้องไปทั่วทั้งสี่ทิศ เสียงที่โกญจนาทด้วยอำนาจของพระยาคชสารเชือกนั้นยังให้พระองค์ทรงสะดุ้งตื่นจากพระบรรทม

รุ่งเช้าเมื่อพระองค์เสด็จออกว่าราชการ ได้ทรงรับสั่งถึงพระสุบินนิมิตประหลาดให้โหรหลวงฟังและได้รับการกราบถวายบังคมทูลว่า เรื่องนี้หมายถึงชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์และพระบรมเดชานุภาพจะแผ่ไพศาลไปทั่วสารทิศเป็นที่เกรงขามแก่อริราชทั้งปวง ทั้งจะมีพระภิกษุหนุ่มรูปหนึ่งจากทางทิศตะวันตก มาช่วยขันอาสาแปลและเรียบเรียงตัวอักษรทองคำปริศนาได้สำเร็จ พระเจ้าอยู่หัวได้ฟังดังนั้นจึงค่อยเบาพระทัย และรับสั่งให้ข้าราชบริพารทั้งมวลออกตามหาพระภิกษุรูปนั้นทันที

อักษรเจ็ดตัว

ต่อมาสังฆการีได้พยายามเสาะแสวงหาจนไปพบ เจ้าสามีราม ที่วัดราชานุวาส และเมื่อได้ไต่ถามได้ความว่าท่านมาจากเมืองตะลุง (พัทลุงในปัจจุบัน) เพื่อศึกษาพระธรรมวินัย สังฆการี จึงเล่าความตามเป็นจริงให้เจ้าสามีรามฟังทั้งได้อ้างตอนท้ายว่า เห็นจะมีท่านองค์เดียวที่ตรงกับพระสุบินของพระเจ้าอยู่หัว จึงใคร่ขอนิมนต์ให้ไปช่วยแก้ไขในเรื่องร้ายดังกล่าวให้กลายเป็นดี ณ โอกาสนี้ ครั้นแล้วเจ้าสามีรามก็ตามสังฆการีไปยังที่ประชุมสงฆ์ ณ ท้องพระโรง พระเจ้าอยู่หัวทรงมีรับสั่งให้พนักงานปูพรมให้ท่านนั่งในที่อันควร พราหมณ์ทั้งเจ็ดคนได้ประมาทเจ้าสามีรามโดยว่า เอาเด็กสอนคลานมาให้แก้ปริศนา เจ้าสามีรามก็แก้คำพราหมณ์ว่า กุมารเมื่ออกมาแต่ครรภ์พระมารดา กี่เดือนกี่วันจึงรู้คว่ำ กี่เดือนกี่วันจึงรู้นั่ง กี่เดือนกี่วันจึงรู้คลาน จะว่ารู้คว่ำแก่ หรือจะว่ารู้นั่งแก่ หรือจะว่ารู้คลานแก่ ทำไมจึงว่าเราจะแก้ปริศนาธรรมมิได้ พราหมณ์ก็นิ่งไปไม่สามารถตอบคำถามท่านได้ จากนั้นจึงรีบนำบาตรใส่อักษรทองคำเข้าไปประเคนแก่เจ้าสามีราม

ท่านรับประเคนมาจากมือพราหมณ์แล้วนั่งสงบจิตอธิษฐานว่า ขออำนาจคุณบิดามารดาครูบาอาจารย์และอำนาจผลบุญกุศลที่ได้สร้างมาแต่ปางก่อนและอำนาจเทพยดาที่รักษาพระนครตลอดถึงเทวดาอารักษ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ครั้งนี้อาตมาจะแปลพระธรรมช่วยกู้บ้านกู้เมือง ขอให้ช่วยดลบันดาลจิตใจให้สว่างแจ้งขจัดอุปสรรคที่จะมาขัดขวาง ขอให้แปลพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าสำเร็จสมปรารถนาเถิด ท่านรับประเคนมาจากมือพราหมณ์แล้วนั่งสงบจิตอธิษฐานว่า ขออำนาจคุณบิดามารดาครูบาอาจารย์และอำนาจผลบุญกุศลที่ได้สร้างมาแต่ปางก่อนและอำนาจเทพยดาที่รักษาพระนครตลอดถึงเทวดาอารักษ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ครั้งนี้อาตมาจะแปลพระธรรมช่วยกู้บ้านกู้เมือง ขอให้ช่วยดลบันดาลจิตใจให้สว่างแจ้งขจัดอุปสรรคที่จะมาขัดขวาง ขอให้แปลพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าสำเร็จสมปรารถนาเถิด

ครั้นแล้วท่านก็คว่ำบาตรเทอักษรทองคำเริ่มแปลปริศนาธรรมทันที ด้วยอำนาจบุญญาบารมี กฤษดาภินิหารของท่านที่ได้จุติลงมาเป็นพระโพธิสัตว์โปรดสัตว์ในพระพุทธศาสนา กอปรกับโชคชะตาของประเทศชาติที่จะไม่เสื่อมเสียอธิปไตย เดชะบุญญาบารมีในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เทพยาดาทั้งหลายจึงดลบันดาลให้ท่านเรียบเรียงและแปลอักษรจากเมล็ดทองคำ 84,000 ตัว เป็นลำดับโดยสะดวกไม่ติดขัดประการใดเลย

ขณะที่ท่านเรียบเรียงและแปลอักษรไปได้มากแล้ว ปรากฏว่าเมล็ดทองคำตัวอักษรขาดหายไปเจ็ดตัวคือ ตัว สัง วิ ธา ปุ กะ ยะ ปะ ท่านจึงทวงถามเอาที่พราหมณ์ทั้งเจ็ด พราหมณ์ทั้งเจ็ดก็ยอมจำนวน จึงประเคนเมล็ดทองคำที่ตนซ่อนไว้นั้นให้ท่านแต่โดยดี ปรากฏว่าท่านแปลพระไตรปิฎกจากเมล็ดทองคำสำเร็จบริบูรณ์เป็นการชนะพราหมณ์ในเวลาเย็นของวันนั้น

รูปหล่อหลวงปู่ทวด องค์ใหญ่ที่สุดในโลก วัดห้วยมงคลรูปหล่อหลวงปู่ทวด องค์ใหญ่ที่สุดในโลก วัดห้วยมงคล

พระราชมุนี

สมเด็จพระเอกาทศรถทรงพระโสมนัสยินดีเป็นที่ยิ่ง ทรงมีรับสั่งถวายราชสมบัติให้แก่เจ้าสามีรามให้ครอง 7 วัน แต่ท่านก็มิได้รับโดยให้เหตุผลว่าท่านเป็นสมณะ พระองค์ก็จนพระทัยแต่พระประสงค์อันแรงกล้าที่จะสนองคุณความดีความชอบอันใหญ่ยิ่งให้แก่ท่านในครั้งนี้ จึงพระราชทานสมณศักดิ์ให้เจ้าสามีรามเป็น พระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์ ในเวลานั้น พระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์หรือหลวงพ่อทวดได้ไปจำพรรษาอยู่ ณ วัดราชานุวาส ศึกษาและปฏิบัติธรรมอยู่เป็นเวลาหลายปี ด้วยความสงบร่มเย็นเป็นสุขตลอดมา

โรคห่าเหือดหาย

ต่อจากนั้น กรุงศรีอยุธยาเกิดโรคห่าระบาดไปทั่วเมือง ประชาราษฎรล้มป่วยเจ็บตายลงเป็นอันมาก ประชาชนพลเมืองเดือดร้อนเป็นยิ่งนัก สมัยนั้นหยูกยาก็ไม่มี นิยมใช้รักษาป้องกันด้วยอำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยพระเจ้าอยู่หัวทรงพระวิตกกังวลมากเพราะไม่มีวิธีใดจะช่วยรักษาและป้องกันโรคนี้ได้ ทรงระลึกถึงพระราชมุนีฯ มีรับสั่งให้อำมาตย์ไปนิมนต์ท่านเจ้าเฝ้า ท่านได้ช่วยไว้อีกครั้งโดยรำลึกถึงคุณพระศรีรัตนตรัยและดวงแก้ววิเศษ แล้วทำน้ำพระพุทธมนต์ประพรมแก่ประชาชนทั่วทั้งพระนคร โรคห่าก็หายขาดด้วยอำนาจ คุณความดีและคุณธรรมอันสูงส่ง ทำให้พระเจ้าอยู่หัวทรงเลื่อนสมณศักดิ์ท่านขึ้นเป็นพระสังฆราชมีนามว่า พระสังฆราชคูรูปาจารย์& และทรงพอพระราชหฤทัยในองค์ท่านเป็นอย่างยิ่ง ถึงกับทรงมีรับสั่งว่า หากสมเด็จเจ้าฯ ประสงค์สิ่งใด หรือจะบูรณะวัดวาอารามใดๆ ข้าพเจ้าจะอุปถัมภ์ทุกประการ

กลับสู่ถิ่นฐาน

ครั้นกาลเวลาล่วงไปหลายปี สมเด็จเจ้าฯได้เข้าเฝ้า ถวายพระพรทูลลาจะกลับภูมิลำเนาเดิม พระองค์ทรงอาลัยมาก ไม่กล้าทัดทานเพียงแต่ตรัสว่า สมเด็จอย่าละทิ้งโยม แล้วเสด็จมาส่งสมเด็จเจ้าฯ จนสิ้นเขตพระนครศรีอยุธยา

ขณะที่ท่านรุกขมูลธุดงค์ สมเด็จเจ้าฯ ได้เผยแผ่ธรรมะไปด้วยตามเส้นทาง ผ่านที่ไหนมีผู้เจ็บป่วยก็ทำการรักษาให้ ตามแนวทางที่ท่านเดินพักแรมที่ใดนั้น ที่นั่นก็เกิดเป็นสถานศักดิ์สิทธิ์ ประชาชนในถิ่นนั้นได้ทำการเคารพสักการะบูชามาถึงบัดนี้ ได้แก่ที่บ้านโกฏิ อำเภอปากพนัง ที่หัวลำภูใหญ่ อำเภอหัวไทร และอีกหลายแห่ง

สมเด็จเจ้าพะโคะ

รูปหล่อหลวงปู่ทวด วัดเอี่ยมวรนุช

ต่อจากนั้น ท่านก็ได้ธุดงค์ไปจนถึงวัดพัทธสิงห์บรรพตพะโคะ อันเป็นจุดหมายปลายทาง ประชาชนต่างซึ่งชื่นชมยินดีแซ่ซ้องสาธุการต้อนรับท่านเป็นการใหญ่ และได้พร้อมกันถวายนามท่านว่าสมเด็จเจ้าพะโคะ และเรียกชื่อวัดพัทธสิงห์บรรพตพะโคะว่าวัดพะโคะ มาจนบัดนี้ สมเด็จเจ้าฯ เห็นวัดพระโคะเสื่อมโทรมมาก เนื่องจากถูกข้าศึกทำลายโจรกรรม มีสภาพเหมือนวัดร้างสมเด็จเจ้าฯ กับท่านอาจารย์จวง คิดจะบูรณะปฏิสังขรณ์วัดพะโคะ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทราบ ยินดีและอนุโมทนาเป็นอย่างยิ่ง โปรดให้นายช่างผู้ชำนาญ 500 คน และทรงพระราชทานสิ่งของต่างๆ และเงินตราเพื่อการนี้เป็นจำนวนมาก ใช้เวลาประมาณ 3 ปี จึงแล้วเสร็จ สิ่งสำคัญในวัดพะโคะหรือ พระสุวรรณมาลิกเจดีย์ศรีรัตนมหาธาตุ ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุซึ่งพระอรหันต์นามว่าพระมหาอโนมทัสสีได้เป็นผู้เดินทางไปอัญเชิญมาจากประเทศอินเดียสมเด็จเจ้าฯ ได้จำพรรษาเผยแผ่ธรรมที่วัดพะโคะอยู่หลายพรรษา





เหยียบน้ำทะเลจืด

ขณะที่สมเด็จเจ้าฯ จำพรรษาอยู่ ณ วัดพะโคะ ครั้งนี้คาดคะเนว่า ท่านมีอายุกาลถึง 80 ปีเศษ อยู่มาวันหนึ่งท่านถือไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์ประจำตัวไม้เท้านี้มีลักษณะคดไปมาเป็น 3 คด ชาวบ้านเรียกว่า ไม้เท้า 3 คด ท่านออกจากวัดมุ่งหน้าเดินไปยังชายฝั่งทะเลจีน ขณะที่ท่านเดินพักผ่อนรับอากาศทะเลอยู่นั้น ได้มีเรือโจรสลัดจีนแล่นเลียบชายฝั่งมา พวกโจรจีนเห็นท่านเดินอยู่คิดเห็นว่าท่านเป็นคนประหลาดเพราะท่านครองสมณเพศ พวกโจรจึงแวะเรือเทียบฝั่งจับท่านลงเรือไป เมื่อเรือโจรจีนออกจากฝั่งไม่นาน เหตุมหัศจรรย์ก็ปรากฏขึ้น คือ เรือลำนั้นแล่นต่อไปไม่ได้ต้องหยุดนิ่งอยู่กับที่ พวกโจรจีนพยายามแก้ไขจนหมดความสามารถเรือก็ยังไม่เคลื่อน จึงได้จอดเรือนิ่งอยู่ ณ ที่นั้นเป็นเวลาหลายวันหลายคืน ในที่สุดน้ำจืดที่นำมาบริโภคในเรือก็หมดสิ้น จึงขาดน้ำจืดดื่มและหุงต้มอาหารพากันเดือดร้อนกระวนกระวายด้วยกระหายน้ำเป็นอย่างมาก สมเด็จเจ้าฯ ท่านเห็นเหตุการณ์ความเดือดร้อนของพวกโจรถึงขั้นที่สุดแล้ว ท่านจึงเหยียบกราบเรือให้ตะแคงต่ำลงแล้วยื่นเท้าเหยียบลงบนผิวน้ำทะเลทั้งนี้ย่อมไม่พ้นความสังเกตของพวกโจรจีนไปได้

เมื่อท่านยกเท้าขึ้นจากพื้นน้ำทะเลแล้วก็สั่งให้พวกโจรตักน้ำตรงนั้นมาดื่มชิมดู พวกโจรจีนแม้จะไม่เชื่อก็จำเป็นต้องลองเพราะไม่มีทางใดจะช่วยตัวเองได้แล้ว แต่ได้ปรากฏว่าน้ำทะเลเค็มจัดที่ตรงนั้นแปรสภาพเป็นน้ำจืดเป็นที่อัศจรรย์ยิ่งนัก พวกโจรจีนได้เห็นประจักษ์ในคุณอภินิหารของท่านเช่นนั้น ก็พากันหวาดเกรงภัยที่จะเกิดแก่พวกเขาต่อไป จึงได้พากันกราบไหว้ขอขมาโทษแล้วนำท่านล่องเรือส่งกลับขึ้นฝั่งต่อไป

เมื่อสมเด็จเจ้าฯ ขึ้นจากเรือเดินกลับวัด ถึงที่แห่งหนึ่งท่านหยุดพักเหนื่อย ได้เอา ไม้เท้า 3 คด พิงไว้กับต้นยางสองต้นอันยืนต้นคู่เคียงกัน ต่อมาต้นยางสองต้นนั้นสูงใหญ่ขึ้น ลำต้นและกิ่งก้านสาขาเปลี่ยนไปจากสภาพเดิกกลับคดๆ งอๆ แบบเดียวกับรูปไม้เท้าทั้งสองต้น ประชาชนในถิ่นนั้นเรียกว่าต้นยางไม้เท้า ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งปรากฏอยู่ถึงทุกวันนี้

สมเด็จเจ้าพะโคะหรือหลวงปู่ทวดครองสมณเพศและจำพรรษาอยู่ที่วัดพะโคะ เป็นที่พึ่งของประชาราษฎร์มีความร่มเย็นเป็นสุข ได้ช่วยการเจ็บไข้ได้ทุกข์ บำรุงสุข เทศนาสั่งสอนธรรมของพระพุทธองค์ ประดุจร่มโพธิ์ร่มไทรของปวงพุทธศาสนิกชนตลอดมา

สังขารธรรม

หลังจากนั้นหลายพรรษา สมเด็จเจ้าฯ หายไปจากวัดพะโคะเที่ยวจาริกเผยแผ่ธรรมะไปหลายแห่ง จากหลักฐานทราบว่าท่านได้ไปพำนักที่เมืองไทรบุรี ชาวบ้านเรียกท่านว่า ท่านลังกา และได้ไปพำนักที่วัดช้างไห้ ชาวบ้านเรียกท่านว่า ท่านช้างให้ ดังนี้ ท่านได้สั่งแก่ศิษย์ว่าหากท่านมรณภาพเมื่อใด ขอให้ช่วยกันจัดการหามศพไปทำการฌาปนกิจ ณ วัดช้างให้ด้วย ขณะหามศพพักแรมนั้น ณ ที่ใดน้ำเหลืองไหลลงสู่พื้นดิน ที่ตรงนั้นให้เอาเสาไม้แก่นปักหมายไว้ต่อไปข้างหน้าจะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อยู่มาไม่นานเท่าไร ท่านก็ได้มรณภาพลงด้วยโรคชรา ปวงศาสนิกก็นำพระศพมาไว้ที่วัดช้างให้ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี สถานที่ที่สมเด็จเจ้าฯ เคยพำนักอยู่ หรือไปมา นับได้ดังนี้ วัดกุฎิหลวง วัดสีหยัง วัดเสมาเมือง นครศรีธรรมราช กรุงศรีอยุธยา วัดพะโคะ วัดเกาะใหญ่ วัดในไทรบุรี และวัดช้างให้

ปัจฉิมภาค

สมเด็จเจ้าฯ ในฐานะพระโพธิสัตว์หน่อพระพุทธภูมิ ผู้ทรงศีลวิสุทธิทรงธรรมและปัญญาญาณอันล้ำเลิศ กอปรด้วยกฤษดาภินิหารและปาฏิหาริย์ไม่ว่าท่านจะพำนักอยู่สถานที่ใด ที่นั่นจะเป็นศูนย์กลางในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ไม่ว่าท่านจะจาริกไป ณ ที่ใด ก็จะมีคนกราบไหว้ฟังธรรม หลักการปฏิบัติของท่านเป็นหลักสำคัญของพระโพธิสัตว์คือช่วยเหลือประชาชนและเผยแพร่ธรรมะให้ชาวโลกอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข มีความเคารพเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า พระธรรมและพระสงฆ์ สมดังคำว่า พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สรณัง คัจฉามิ ตลอดไป

เจดีย์ศักดิ์สิทธิ์ วัดดีหลวง
เป็นเจดีย์สามยอดที่หลวงพ่อแก้ว พุทธมุณี ร่วมกับ สาธุชน สร้างเมื่อ
พ.ศ. 2472 เนื่องจากเจดีย์ใหญ่หน้าพระอุโบสถวัดดีหลวง ที่สมเด็จหลวงพ่อทวด ท่านสร้างไว้ได้ถึงกาลเวลาย่อยเป็นอิฐกองอยู่หน้าอุโบสถวัดดีหลวง หลวงพ่อแก้ว จึงบูรณะขึ้นใหม่ โดยใช้อิฐเดิม สร้างเจดีย์ขึ้นทั้ง 8 ทิศ รอบพระอุโบสถและสร้างเจดีย์ 3 ยอด ขึ้นพร้อมกันในปีนั้น

โดยคุณ artanha (810)  [อ. 08 ม.ค. 2556 - 07:38 น.] #2630776 (38/44)


(N)

โดยคุณ อ้อกะออย (44)  [อ. 08 ม.ค. 2556 - 07:38 น.] #2630778 (39/44)

โดยคุณ คุณอั้ม (745)  [อ. 08 ม.ค. 2556 - 09:54 น.] #2630910 (40/44)

โดยคุณ chaimongkol (1.3K)  [อ. 08 ม.ค. 2556 - 11:20 น.] #2630986 (41/44)

โดยคุณ เจมส์_จิรพันธ์ (445)  [อ. 08 ม.ค. 2556 - 16:38 น.] #2631295 (42/44)


(N)

โดยคุณ วริทธิ์ (1.4K)  [พ. 09 ม.ค. 2556 - 00:46 น.] #2632018 (43/44)
รูปแบบร่าง อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงครับ จะดูความเหมาะสมอีกครั้งครับ

โดยคุณ pomkaew (15.8K)  [อา. 13 ม.ค. 2556 - 00:05 น.] #2637885 (44/44)

!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!


Copyright ©G-PRA.COM