(N)
พระครูพิทักษ์วีรธรรมเจ้าคณะตำบลท่าพระยาและเจ้าอาวาสวัดสิงห์ ต.บางแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม อายุ 80 ปี 41 พรรษา เกิดเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2475
โยมบิดา ชื่อ นายชาญ โยมมารดาชื่อ นางเพียร ยอดยง ครอบครัวมีอาชีพ เกษตรกรรม หลวงพ่อสืบท่านเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนเพิ่มวิทยา (วัดกลางบางแก้ว) จ.นครปฐม ต่อมา
พ.ศ.2492 หลวงพ่อสืบฯ ท่านได้สอบเข้าโรงเรียน พลตำรวจบางเขน กทม. สำเร็จและท่านได้ฝึกวิชาทหารท่าบุคคลมือเปล่า ฝึกการใช้อาวุธและเรียนวิชากฏหมายท่องจำได้อย่างแม่นยำ จนสอบสำเร็จได้อันดับต้นๆและเลือกมาประจำยังสถานีตำรวจนครบาลลุมพินี เมื่อหลวงพ่อสืบฯบรรจุรับราชการอยู่ สน.ลุมพินีนั้นท่านปฎิบัติหน้าที่ด้วยความเคร่งครัดเข้าเวรยามไม่เคยขาดออกปราบปรามร่วมกับตำรวจรุ่นพี่สมกับเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ จับพวกนักเลงอันตพาลอย่างไม่เกรงกลัว หลวงพ่อสืบฯท่านเป็นคนตรง ปฎิบัติราชการมาได้ 3 ปี พบเห็นอะไรมากมายรู้สึกเบื่อ เลยลาออกจากราชการตำรวจ เมื่อหลวงพ่อสืบฯท่านอายุ 22 ปี พ.ศ.2497 จึงได้อุปสมบทที่ วัดท่าใน ต.ท่าพระยา อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม โดยมีพระครูสิริวุฒาจารย์ (หลวงพ่อห่วง สุวรรณโณ) วัดท่าใน เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ปิ่น วัดศรีษะทองเป็นพระกรรมวาจารย์ พระธิการม้วน วัดไทร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ได้รับฉายา ทานรโต จำพรรษาอยู่ที่วัดท่าใน จ.นครปฐม หลวงพ่อสืบฯ ท่านศึกษาธรรมและวิชาไสยเวทย์ จากหลวงพ่อห่วงฯ ซึ่งเป็นสหายธรรมกับหลวงพ่อเงินวัดดอนยายหอม และหลวงพ่อน้อยวัดธรรมศาลา ตั้งแต่นั้นมาเป็นเวลา 1 ปีเต็ม จึงได้ลาสิกขาบท หลวงพ่อสืบฯ ท่านอยากเป็นรั้วของชาติเพราะช่วงนั้นประเทศไทยมีสงครามอยู่เนืองๆ หลวงพ่อสืบฯท่านจึงเดินทางไปสอบเข้าเรียนโรงเรียนนายสิบทหารม้ายานเกราะรุ่นที่ 5 จนประสบความสำเร็จ หลวงพ่อสืบฯ ท่านฝึกวิชาทหารด้านการรบและยุทธวิธีอาวุธปืนนานาชนิด ด้วยความมุ่งมั่นและอดทนจนได้รับแต่งตั้งยศ สิบโท สมัยนั้นทหารมีภาระใหญ่มาก เช่น ป้องกันการรุกรานจากประเทศเพื่อนบ้าน หลวงพ่อสืบฯท่านยังอยู่ในเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงการปกครองภายในประเทศด้วย หลวงพ่อสืบฯท่านรับใช้ชาติมานานพอสมควร จึงตัดสินใจลาออกจากราชการทหารโดยไม่ยึดติดกับลาภยศสรรเสริญ ซึ่งท่านอาจจะได้เลื่อนยศเป็นถึงพันโทหรือพันเอกก็ได้ ต่อมาปี2514 หลวงพ่อสืบฯได้อุปสมบทที่วัดไทร จ.นครปฐมโดยมี พระครูอินทสิริชัย (หลวงพ่อม้วน อินทสวัณฺโณ) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการง้อปัญญาธโส เป็นพระกรรมวาจารย์ ได้รับฉายาปริมฺตโต หลวงพ่อสืบฯท่านได้จำพรรษาอยู่ที่วัดไทร ปฏิบัติธรรมด้วยความเคร่งครัดศึกษาธรรมจนแตกฉานสามารถสอบนักธรรมตรี นักธรรมโทได้ในปี 2516 2517 หลวงพ่อสืบฯท่านก็ยังมุ่งมั่นศึกษาภาษาบาลีและศึกษาธรรม จนปีพ.ศ.2518 ท่านสามารถสอบนักธรรมเอกได้สำเร็จ ไม่เพียงแค่นั้นวิชาอาคมที่หลวงพ่อสืบฯท่านเรียนมาจากหลวงพ่อห่วง วัดท่าในก็ท่องจำปฏิบัติมาโดยตลอดจนมีความชำนาญและจดจำได้ทั้งหมด หลวงพ่อสืบฯท่านยังเรียนวิชาไสยเวทย์จาก หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม หลวงพ่อเต้า วัดเกาะวังไทร และวิชาทำเบี้ยแก้จากหลวงปู่เจือวัดกลางบางแก้วฯ หลวงพ่อสุด วัดกาหลง หลวงพ่อเที่ยง วัดม่วงชุม หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระฯวันที่ 3 มีนาคมพ.ศ.2526 เจ้าคณะจังหวัดนครปฐมได้แต่งตั้งหลวงพ่อสืบฯให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสิงห์ มีเนื้อที่ประมาณ 16 ไร่ 3 งาน สภาพวัดสิงห์ขณะนั้น รกร้างทรุดโทรมขาดการบูรณะ หลวงพ่อสืบฯท่านก็เริ่มพัฒนาสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ และสร้างกุฏิสงฆ์ขึ้นใหม่อีกหลายหลัง และสร้างถนนเข้าวัด และรอบบริเวณของวัดสิงห์จนชาวบ้านได้สัญจรไปมาอย่างสะดวกสบายเมื่อหลวงพ่อสืบฯท่านได้รับแต่งตั้งเป็นพระครูพิทักษ์วีรธรรมหลวงพ่อสืบฯท่านจัดหากองทุน การศึกษาช่วยเหลือเด็กยากจนให้ได้เรียนหนังสือตั้งแต่ชั้นประถมจนถึงชั้นอุดมศึกษาในเขตอ.นครชัยศรี ปีหนึ่งต้องใช้เงินประมาณกว่าแสนบาทจนถึงปัจจุบันนี้
วันที่ 1 ตุลาคม 2541 หลวงพ่อสืบฯ ท่านได้ตราตั้งเป็นเจ้าคณะ ตำบลท่าพระยา อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม วัตถุมงคลที่หลวงพ่อสืบท่านสร้าง เช่น ตะกรุดคงกระพัน เมตตามหานิยม เสื้อยันต์ ผ้ายันต์ รูปหล่อ เหรียญ หนุมาน พระสมเด็จ เบี้ยแก้ มีประสบการณ์มากมายมีผู้นำวัตถุมงคลของหลวงพ่อสืบฯท่าน ไปทดลองยิงปรากฏปืนลูกโม่มีสภาพใหม่ พอสับไกลปืนเท่านั้นปืนระเบิดทันที หลวงพ่อสืบฯท่านจึงได้สมญานามว่า (สืบปืนเสียหรือสืบปืนแตก) ตั้งแต่บัดนั้นมา หลวงพ่อสืบฯท่านเป็นพระใจดี มีเมตตาและชอบพัฒนา ท่านมีลูกศิษย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศมากมาย วัตุมงคลของท่านราคายังไม่สูงนักรีบสะสมกันไว้อนาคตดีแน่ครับ. |