(N)
พระครูภัทรโพธิธรรม หรือหลวงปู่แหวง วัดโพธิ์ผักไห่ จ. พระนครศรีอยุทธยา ปัจจุบันหลวงปู่อายุ 86 ปี ปกครองวัดโพธิ์ผักไห่ต่อจาก พระครูบวรสังฆกิจ (ศิษย์ก้นกุฏิรูปนึงของหลวงพ่อจง) ซึ่งเป็นศิษย์พี่ของหลวงปู่ เนื่องจากท่านเป็นพระที่ชอบเก็บตัวจึงทำให้ไม่ค่อยมีคนรู้จักและรับทราบเรื่องราวของท่านมากนัก ครั้งนึงหลวงปู่เคยเมตตาเล่าเรื่องราวคร่าวๆของท่านให้ฟังว่า เดิมท่านเป็นทหารม้า แต่เนื่องจากในขณะนั้นมีเสือปล้นอาละวาดหนักมาก จึงมีการคัดเลือกทหารที่มีใจเด็ดเดี่ยวเด็ดขาด(ท่านบอกว่าเลือกพวกที่ห้าวๆเกๆมาเลย)ท่านจึงได้มาเป็นตำรวจกองปราบ และเป็นลูกน้องของท่านประชา บูรณธนิต เจ้าของฉายา"นายพลหนังเหนียว" เคยร่วมปราบเสือชื่อดังๆหลายคน ครั้งนึงเคยมีเหตุปะทะกันเพื่อนตำรวจของท่านโดนยิงด้วยปืนเล็กยาวเข้าปากทะลุท้ายทอย ตายอยู่ต่อหน้า ส่วนท่านโดนยิงเข้าขา แต่ไม่เข้า ปัจจุบันก็ยังมีรอยแผลเป็นอยู่ มีหลายครั้งที่ต้องปะทะกับเสือที่มีวิชาดีเหมือนกัน ซึ่งอาวุธต่างๆไม่สามารถสยบเสือเหล่านั้นได้ ก็จำเป็นที่จะต้องมีการ"คัดวิชา" คือถอนของดีในตัวเสือเหล่านั้นออกเสีย จึงจะสามารถทำการจับกุมได้ สำหรับครูบาอาจารย์ที่หลวงปู่ให้ความเคารพและได้ไปขอศึกษาวิชาความรู้ทั้งทางด้านด้านวิปัสสนากรรมฐานและด้านวิชาอาคม ได้แก่
1.หลวงพ่อไวย์ วัดสุทธาโภชน์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ของหลวงปู่
2.หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก
3.หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ
4.หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม
5.หลวงพ่ออยู่ วัดเกยไชยเหนือ
และยังมีอาจารย์ฆราวาสอีกหลายท่านที่หลวงปู่ไม่ได้เอ่ยชื่งให้ฟัง แม้กระทั่งหลวงพ่อสุด วัดกาหลง หลวงปู่ท่านก็เล่าให้ฟังว่าสมัยที่เป็นตำรวจ ท่านต้องไปปฏิบัติงานแถววัดกาหลงเป็นประจำ ก็ได้อาศัยข้าวก้นบาตรหลวงพ่อสุดอยู่เสมอ สิ่งนึงที่หลวงปู่ท่านมักจะพูดย้ำให้ฟังอยู่ตลอดก็คือ"จำไว้ว่าเดินสายนี้ จิตสำคัญที่สุด"
และเนื่องจากหลวงปู่ท่านไม่เคยสร้างวัตถุมงคลใดๆนอกจากสีผึ้งเมื่อหลายสิบปีก่อน กอปรกับอายุท่านมากขึ้นสุขภาพจึงไม่แข็งแรงอย่างแต่ก่อน คณะศิษย์ที่ศรัทธาหลวงปู่จึงขออนุญาตหลวงปู่จัดสร้างเหรียญรูปเหมือนของท่านเพื่อเป็นที่ระลึกและเพื่อบูชาพระคุณครูอาจารย์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำปัจจัยที่ได้จากการเช่าบูชาถวายหลวงปู่เพื่อไว้ใช้ยามหลวงปู่อาพาธ ซึ่งท่านก็อนุญาต แต่จากการปรึกษากับหลวงปู่ ท่านมีความประสงค์ที่จะจัดสร้างเป็นรูปพระพุทธก่อน แล้วจึงค่อยสร้างเหรียญรูปเหมือนท่าน จึงเป็นเหตุที่มาของพระกริ่งรุ่นแรกของท่าน ซึ่งมีจำนวนจัดการสร้างไม่มาก โดยหลวงปู่ได้บอกว่าให้นำปัจจัยที่ได้หลังหักค่าใช้จ่ายในครั้งนี้ไปจัดสร้างพระพุทธรูปและนำไปจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อมอบให้สถานพยาบาลที่ขาดแคลนก่อน |