ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : หลวงปู่นาค สุกฺกธมฺโม อายุ ๑๐๐ ปี พระน้องชายของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง



(N)
ประวัติหลวงปู่นาค สุกฺกธมฺโม อายุ ๑๐๐ ปี
พระน้องชายของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง

วัดหนองพันเรือ ต.ไผ่ขวาง อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี


ตอนที่๑
ในอดีตจังหวัดสระบุรีมีพระเกจิอาจารย์ที่แก่กล้าในพุทธาคมอยู่ไม่น้อย ในยุคก่อน พ.ศ.๒๕๐๐ ก็มี หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย หลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ หลวงพ่ออุ่ม วัดไผ่ต่ำ หลวงพ่อคร้าม วัดกุ่มหัก ในยุคถัดมาก็มี หลวงพ่ออินทร์ วัดไก่เส่า หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน หลวงปู่ใจวัดหนองหญ้าปล้อง ปู่บาง วัดหนองพลับ และหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ซึ่งหลวงพ่อตาบดูเหมือนจะเป็นพระเกจิอาจารย์ที่โด่งดังโดยมีอายุน้อยที่สุด หลวงพ่อตาบนั้นสืบสายวิชาอาคมหลักๆมาจากตาแจ้ง ชายขี้เมาผู้มีอาคม และหลวงพ่อนอ วัดกลาง อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา พระเกจิอาจารย์ผู้โด่งดังทางตะกรุดหนังเสือ ซึ่งเป็นน้าชาย เหตุนี้เองจึงทำให้หลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียงกลายเป็นพระเกจิอาจารย์ที่โด่งดังขึ้นจากตะกรุดหนังเสือเป็นปฐมบท จากนั้นวัตถุมงคลอื่นๆของท่านจึงค่อยๆโด่งดังตามมา เพราะวัตถุมงคลทุกรุ่นของหลวงพ่อตาบนั้นต่างก็มีประสบการณ์ศักดิ์สิทธิ์มากมาย จนมีผู้คนเดินทางไปกราบขอพรและบูชาวัตถุมงคลกับหลวงพ่อตลอด ทำให้ท่านต้องรับแขกทั้งวันติดต่อกันมานานหลายปี กระทั่งสังขารแบบรับไม่ไหว ได้ถึงแก่มรณภาพในวันที่ 31 ธันวาคม 2532 สิริอายุ 78 ปีโดยสังขารของท่าน ไม่เน่าเปื่อยบรรดาลูกศิษย์จึงนำร่างของท่านใส่ไว้ในโลงแก้วตั้งไว้ให้บรรดาพุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้อยู่ถึงปัจจุบัน

จากวันที่หลวงพ่อตาบมรณภาพ มาจนถึงวันนี้เป็นเวลานานกว่า ๒๕ ปีแล้ว เรื่องราวในสายพุทธาคมของท่านก็ดูจะจืดจางลงไปตามกาลเวลา ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์ลอบสังหารเพื่อนของผม โดยคนร้ายสองคนได้ขับขี่มอเตอร์ไซต์เข้ามาจอดเทียบ แล้วคนซ้อนท้ายได้ชักอาวุธปืนลูกโม่ขนาด .๓๘ จ่อยิงแบบเผาขน ขณะที่เพื่อนของผมจอดรถลงมาเปิดประตูรั้วเพื่อจะขับรถเข้าบ้าน ปรากฏว่าคนร้ายยิงแบบมืออาชีพ คือยิงแบบดับเบิ้ลแท็บนัดแรกไม่ออก จึงลั่นไกซ้ำอีกนัด แต่ก็ไม่ออกเหมือนกัน ขณะเดียวกันที่เพื่อนผมเริ่มตั้งสติได้และกำลังจะตอบโต้ พวกมันจึงรีบเร่งเครื่องรถ บิดหนีไปอย่างรวดเร็ว สาเหตุที่พวกมือปืนลั่นไกไม่ออก เพื่อนผมมั่นใจว่าเป็นเพราะอานุภาพของตะกรุดหนังเสือเก่าๆดอกหนึ่งที่มันแขวนเดี่ยวอยู่เพียงดอกเดียว ซึ่งตะกรุดหนังเสือดอกนี้เพื่อนของผมม้วนเองถักเอง แต่หลวงปู่รูปหนึ่งท่านลงให้เสกให้ เรื่องของเรื่องคือเมื่อสิบปีก่อนลูกน้องของเพื่อนของผม มันยิงเสือลายเมฆได้ เพื่อนของผมเลยขอตัดแบ่งหนังเสือมา แล้วนำไปขอให้หลวงปู่รูปหนึ่งซึ่งมีอายุ ๙๐ ปีแล้ว (อายุของหลวงปู่ในขณะนั้น) ทำการลงอักขระและปลุกเสกให้ เพื่อนของผมเล่าว่า....ตอนแรกดูเหมือนหลวงปู่ท่านแทบจะไม่ได้ปลุกเสกอะไร เพราะพอท่านเขียนอักขระเสร็จก็ยกขึ้นมาเป่าพ่วงเดียวเท่านั้น เสร็จแล้วก็ยื่นให้

โดยคุณ ferluci (3.4K)  [พฤ. 26 ก.พ. 2558 - 23:38 น.]



โดยคุณ ferluci (3.4K)  [พฤ. 26 ก.พ. 2558 - 23:39 น.] #3588678 (1/9)
พร้อมกับบอกว่า “ ถ้าจะทำเต็มพิธีตามตำรา ต้องตั้งหัวหมูบายศรีก่อนลง (หมายถึงเขียนอักขระเลขยันต์) ... แต่เอาเถอะแค่นี้ก็ขลังแล้ว มันอยู่ที่การเสก เหรียญบางหลวงพ่อไม่มียันต์สักตัว ยังเสกจนขลังได้เลย” เพื่อนของผมฟังแล้วก็รับตะกรุดมาจากมือของหลวงปู่อย่างไม่ค่อยจะมั่นใจเท่าไรนัก แต่ก็พกไว้เนื่องจากเห็นว่าหนังเสือเป็นของมีคุณค่าหายาก

กระทั่งวันหนึ่งเพื่อนของผมเดินเข้าไปตามเก็บดอกกับลูกหนี้ในสวนแห่งหนึ่ง แล้วเจอหมาฝรั่งพันธุ์ล็อตไวเลอ่ร์ขนาดใหญ่ ๓ ตัววิ่งเข้ามารุมทำร้าย ตอนนั้นเพื่อนของผมแทบช็อค!! เพราะไม่ทันระวังตัว จึงร้องตะโกนเอะอะออกไป ปรากฏว่า พอหมาพันธุ์ล็อตไวเล่อร์ทั้งสามตัวได้ยินเสียงเพื่อนของผมแล้ว มันเกิดตกใจหันหลังวิ่งหนีกลับไป ไม่ถึงอึดใจลูกหนี้ของเพื่อนก็ถือปืนวิ่งออกมาจากท้ายสวน พอลูกหนี้เห็นหน้าเพื่อนของผมจึงรีบตะโกนถามว่า เกิดอะไรขึ้น แล้วเป็นอะไรหรือเปล่า? เพราะเขาได้ยินเสียงหมาเห่าแล้วก็มีเสียงเสือคำราม จากนั้นหมาของเขาก็วิ่งแจ้นกลับไป เล่าแล้วก็ถามเพื่อนของผมว่าตอนเดินเข้ามาในสวนเห็นอะไรผิดปกติบ้างหรือไม่? เหตุนี้เองจึงทำให้เพื่อนของผมเริ่มมั่นใจในตะกรุดดอกนี้ขึ้นมาว่า หลวงปู่ท่านเสกให้จริงๆ จนกระทั่งเพื่อนมาประสบเหตุถูกยิงครั้งนี้อีก จึงทำให้เพื่อนของผมเกิดความมั่นใจและศรัทธาในตะกรุดและหลวงปู่องค์นี้เป็นเท่าทวีคูณ ผมฟังแล้วเลยถามเพื่อนว่ารู้จักหลวงปู่องค์นี้ได้อย่างไร? เพื่อนเล่าว่า เมื่อก่อนแฟนเก่าของเขาเป็นลูกๆหลานๆหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ตอนที่เพื่อนได้หนังเสือมาแต่ไม่รู้จะไปหาหลวงพ่อที่ไหนทำตะกรุดให้ แฟนของเขาบอกว่าให้เอาไปให้หลวงปู่นาคทำสิ เขาเลยถามแฟนว่าหลวงปู่นาคไหน? แฟนเก่าของเขาก็บอกว่าหลวงปู่นาคเป็นน้องของหลวงพ่อตาบ ท่านแก่แล้ว แต่ยังทำตะกรุดไหว อยู่วัดแถวๆบ้านของเธอ สมัยที่หลวงพ่อตาบยังมีชีวิตอยู่ ท่านเคยชวนมาหลวงปู่นาคมาอยู่ที่วัดมะขามเรียงด้วยกันหลายครั้ง แต่หลวงปู่นาคไม่ยอมมา เพราะตอนนั้นหลวงปู่นาคไม่ยอมอยู่วัดใดเป็นหลักแหล่ง ท่านย้ายวัดไปเรื่อย แต่พอวัดมะขามเรียงมีงาน หลวงพ่อตาบก็จะไปให้คนไปตามหลวงปู่นาคมาช่วย โดยให้หลวงปู่นาคเป็นผู้นั่งประพรมน้ำพระพุทธมนต์ให้ญาติโยม หลวงปู่นาคองค์นี้ท่านได้วิชาในสายเดียวกันกับหลวงพ่อตาบ และหลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ เนื่องจากเกี่ยวดองเป็นญาติกันหมด พี่ชายของหลวงปู่นาค คือปู่นวม เป็นทั้งลูกพี่ลูกน้องและ ไวยาวัจกรวัดมะขามเรียงคู่ใจของหลวงพ่อตาบ ส่วนพ่อของหลวงปู่นาคเคยเป็นศิษย์ร่วมสำนักกับหลวงพ่อนอ ได้วิชามาเหมือนกับหลวงพ่อนอ ตอนหลังท่านก็บวชเป็นพระชื่อ หลวงปู่ย้อย ซึ่งเป็นพระหมอเรืองอาคม ดังนั้นแฟนเก่าของเขาจึงมั่นใจว่าหลวงปู่นาคก็ทำตะกรุดหนังเสือได้เช่นเดียวกันกับหลวงพ่อตาบ เธอจึงพาเขาเอาหนังเสือไปให้หลวงปู่นาคทำเป็นตะกรุด ซึ่งหลวงปู่นาคท่านก็ทำตะกรุดหนังเสือได้จริงๆ แถมขลังขนาดยิงไม่ออกด้วย

ผมได้ฟังเรื่องราวจากเพื่อนแล้วก็ตั้งใจว่าจะต้องไปกราบหลวงปู่องค์นี้ให้ได้ แต่เมื่อนำข้อมูลมาทบทวนดูแล้วก็ไม่ค่อยจะมั่นใจเลยว่าท่านยังมีชีวิตอยู่หรือไม่? เพราะเมื่อ๑๐ปีก่อน ตอนที่เพื่อนของผมเอาหนังเสือไปให้ท่านลง ท่านก็มีอายุถึง ๙๐ ปีแล้ว หากปัจจุบันถ้าท่านยังมีชีวิตอยู่ก็ต้องอายุ ๑๐๐ ปีขึ้นไปซึ่ง

โดยคุณ ferluci (3.4K)  [พฤ. 26 ก.พ. 2558 - 23:40 น.] #3588679 (2/9)
เป็นไปได้ยากเหลือเกิน และจากการสอบถามรายละเอียดกับเพื่อนของผมแล้ว เพื่อนของผมเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าท่านยังมีชีวิตอยู่หรือไม่? ตอนนี้รู้แต่ว่าท่านชื่อหลวงปู่นาค วัดชื่ออะไรกับเส้นทางไปวัดเพื่อนของผมมันก็จำได้เลาๆแบบไม่ค่อยมั่นใจ เพราะไปครั้งเดียวแล้วไม่ได้ไปอีกเลย ส่วนแฟนเก่าของเขาหลังจากเลิกกันแล้วก็ไม่ได้พบกันอีกเลย เบอร์โทรก็หายไปหมด สรุปว่าหลังจากผมคุยกับเพื่อนของผมเสร็จ ผมก็ยังไม่แน่ใจว่าหลวงปู่นาคท่านอยู่วัดอะไรอยู่ดี หลังจากที่ได้ข้อมูลแบบลางเลือนมาจากเพื่อน ผมก็เดินทางกลับมาถึงบ้านในตอนค่ำๆ จากนั้นก็อาบน้ำขึ้นนอนเลย เพราะว่าเพลียมาทั้งวัน แต่ก่อนจะหลับ ผมได้คิดวางแผนไว้ว่า พรุ่งนี้เช้าจะต้องเริ่มค้นหาข้อมูลรายชื่อวัดทั้งหมดเสียก่อน จากนั้นผมก็ค่อยๆเคลิ้มหลับไป หลับไปนานเท่าไรไม่รู้ แต่มารู้สึกตัวอีกทีก็เห็นพระแก่ๆรูปหนึ่งกำลังมายืนกวักมือเรียกผมให้เข้าไปหา พร้อมกับถามว่า เอ็งอยากเจอข้าไม่ใช่รึ? แล้วภาพของท่านก็จางหายไป พอรุ่งเช้าผมตื่นขึ้นมาอาบน้ำทานข้าวเสร็จ ก็ลองค้นหาข้อมูลดู ปรากฏว่าหลวงปู่นาคท่านยังมีชีวิตอยู่จริงๆ อายุครบ ๑๐๐ ปีเต็มไปแล้ว ปัจจุบันเท่ากับว่าท่านอายุ ๑๐๑ ปีแต่ยังไม่เต็ม ผมจึงรีบออกเดินทางไปกราบท่านทันที ระหว่างการเดินทางนั้น ผมได้แต่คิดว่าหลวงปู่ที่ผมได้พบในฝันเมื่อคืนจะใช่หลวงปู่นาคหรือไม่? อีกไม่นานคงได้รู้กัน

สักพักเมื่อผมเดินทางไปถึงวัดและย่างก้าวเข้าไปในกุฎิของหลวงปู่ ตอนนั้นผมรู้สึกขนลุกซู่ซ่าขึ้นมาทันที เพราะหลวงปู่ได้นั่งรอผมอยู่ก่อนแล้ว และหน้าตาท่านเหมือนกับหลวงปู่ที่ผมเห็นในฝันเมื่อคืนจริงๆ แต่พอผมกำลังจะถามท่านว่า เมื่อคืน..หลวงปู่ไปหาผมในฝันใช่ไหม? ปรากฏว่าหลวงปู่ท่านล่วงรู้จิตใจว่าผมกำลังจะถามอะไร ท่านจึงรีบร้องจุ๊ๆ ห้ามผมไม่ให้พูด แล้วบอกว่ารอเดี๋ยว ตอนนี้มีพระกำลังเดินเข้ามา ข้าไม่อยากให้ใครรู้ ผมเลยต้องเงียบไว้ก่อน เวลาผ่านไปเพียงอึดใจเดียวก็มีพระเดินเข้ามาในกุฏิของหลวงปู่จริงๆ พระท่านเข้ามาสอบถามว่าผมมาทำไม ผมก็เรียนท่านไปว่ามากราบนมัสการหลวงปู่ ส่วนฆราวาสที่ตามเข้ามาทีหลัง ก็เล่าให้ผมฟังว่าหลวงปู่ท่านอายุเป็นร้อยปีแล้ว เป็นที่นับถือของญาติโยมแถวนี้ วิชาอาคมของท่านเก่ง ชาวบ้านแถวนี้เวลาเดือดร้อนอะไรก็จะมาหาท่าน เวลาพวกหนุ่มๆในหมู่บ้านจะไปเกณฑ์ทหารจับใบดำใบแดง ก็จะมาขอให้ท่านรดน้ำมนต์ ปีละเป็นสิบๆคน ปรากฏว่าจับได้ใบดำทุกราย คนผีเข้าพาไปวัดไหนก็เอาไม่ออก แต่มาถึงหลวงปู่ท่านเอาออก คนหนีหายไปหลวงปู่ท่านก็ตามกลับมาได้ ใครเป็นฝีจนเดินไม่ไหว ก็มาอาราธนาให้หลวงปู่ไปเป่าคาถาสูญฝีให้ พอหลวงปู่เป่าเสร็จก็กลับ แต่ท่านเดินยังไม่ทันพ้นชายคาบ้านนั้นเลย ฝีก็แตกดังเปรี๊ยะ สมัยก่อนเวลาที่มีคนไม่มีสัมมาคารวะเดินเข้าไปในกุฏิของท่านโดยไม่ร้องขออนุญาตก่อน ก็มักจะเจอดีเสมอ คือพวกนี้มักเห็นเสือตัวใหญ่นอนอยู่ในกุฎิ จนตกใจวิ่งหนีแทบไม่ทันทุกรายไป เรื่องแบบนี้ชาวบ้านแถวนั้นร่ำลือกันมานาน จนเคยมีคนไปถามหลวงปู่ว่า หลวงปู่กลายร่างเป็นเสือหรือ? หลวงปู่ตอบว่า ข้านอนของข้าอยู่เฉยๆ พวกมันตาฝาดเห็นข้าเป็นเสือกันไปเอง ว่าแล้วท่านก็หัวเราะชอบใจ

โดยคุณ ferluci (3.4K)  [พฤ. 26 ก.พ. 2558 - 23:43 น.] #3588681 (3/9)


(N)
ตอนที่ ๒

ประวัติหลวงปู่นาค

เดิมชื่อบุญนาค เกิดเมื่อวันที่ ๑ กันยายน พ.ศ.๒๔๕๗ ปีขาล(เสือ) ที่ตำบลไผ่ขวาง อำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี เป็นบุตร หมอย้อย กับ นางทองคำ นามสกุล ขาวสะอาด มีอาชีพทำนาทำไร่ แต่หลวงปู่นาคในวัยเด็กนั้นได้ไปเติบโตใช้ชีวิตอยู่ทางอำเภอนครหลวงจังหวัดอยุธยา บริเวณใกล้ๆวัดพระนอนและวัดโพธิ์ลอย เพราะหมอย้อยผู้เป็นบิดาได้ไปอยู่ทางบ้านมารดาที่นั่น และเนื่องจากมีบิดาเป็นหมอเรืองอาคม ทำให้หลวงปู่นาคในตอนนั้นได้ซึมซับวิชาอาคมต่างๆจากการเป็นลูกมือช่วยพ่อรักษาคนมาโดยไม่รู้ตัว จนโตขึ้นมาเป็นหนุ่มได้บวชและร่ำเรียนพุทธาคมกับหลวงพ่อปลอด วัดพระนอนศิษย์เอกหลวงพ่อดำ วัดละมุด ผู้สร้างท้าวเวสสุวรรณ ซึ่งเป็นหนึ่งในเบญจภาคี สุดยอดเครื่องรางของอำเภอนครหลวงอันโด่งดังนั่นเอง นอกจากนั้นหลวงปู่นาค ยังได้เรียนวิชากับหลวงพ่อปุย วัดโพธิ์ลอย ลูกศิษย์ของหลวงปู่รอด วัดสามไถ ผู้เป็นรุ่นพี่ของหลวงพ่อกลั่นวัดพระญาติ และเจ้าของตำรับวิชาเบี้ยหอยโข่งอันโด่งดัง
(เบญจภาคีเครื่องรางยอดนิยมของอำเภอนครหลวงคือ ๑.ตะกรุดหลวงพ่อกรอง วัดเทพจันทร์ลอย ๒.เบี้ยหอยโข่ง หลวงพ่อรอด วัดสามไถ ๓.เสือหลวงพ่อนวม วัดกลาง ๔.หนุมานหลวงพ่อจุ้ย วัดบันได ๕.ยักษ์หลวงพ่อดำ วัดละมุด)

เมื่อหลวงปู่นาคบวชเรียนเป็นเวลาอันพอสมควรแล้ว หมอย้อยผู้เป็นบิดาได้ย้ายครอบครัวกลับมายังภูมิลำเนาของตนที่ตำบลไผ่ขวาง หลวงปู่นาคจึงต้องลาสิกขาบทมาช่วยบิดามารดาทำนา ระหว่างนี้เองที่หลวงปู่นาคในเพศฆราวาสได้ติดตามพี่ชายคือปู่นวมไปคลุกคลีกับหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ( เนื่องด้วยปู่นวมซึ่งพี่ชายของท่านนั้น เป็นทั้งลูกพี่ลูกน้องและเพื่อนที่ตายแทนกันได้ของหลวงพ่อตาบทีเดียว โดยก่อนบวชนั้นทั้งสองคนต่างก็เป็นนักเลงด้วยกันทั้งคู่ ) ทำให้หลวงปู่นาคกับหลวงพ่อตาบในวัยหนุ่มนั้นสนิทกันมาก เพราะต่างก็ชอบทดสอบและแลกเปลี่ยนวิชาอาคมกัน ก่อนที่หลวงพ่อตาบจะหันไปสนใจในการศึกษากรรมฐานแบบมหาสติปัฏฐาน ส่วนหลวงปู่นาคนั้นก็ได้ไปมีครอบครัว ทำการเกษตรและเป็นหมอตามรอยของหมอย้อยผู้เป็นพ่อ โดยมิอาจทิ้งกรรมฐานและวิชาอาคมที่ได้ร่ำเรียนมาถึงแม้ว่าท่านจะมีครอบครัวแล้วก็ตาม ทุกคืนก่อนนอน ท่านจะไหว้พระสวดมนต์ ทบทวนวิชาต่างๆเพราะต้องใช้ในทางหมออยู่ตลอด เมื่อเวลาผ่านไปนับสิบๆปี ยิ่งทำให้วิชาของท่าน ทรงความเข้มขลังมากขึ้นทุกวัน ถึงขนาดบางวันในขณะที่ท่านกำลังนั่งพักเหนื่อยอยู่ใต้ร่มไม้ หลังจากที่ท่านได้ขุดดินปลูกต้นไม้ต้นไร่อยู่เงียบๆคนเดียวจนจิตใจเกิดเป็นสมาธิขึ้นมา แล้วสายตาของท่านเผลอไปเพ่งมองที่ใบจอบ ใบเสียม ทำให้ ใบจอบใบเสียมซึ่งเป็นเหล็กเกิดแดงวาบขึ้นมา แล้วอ่อนตัวเสียรูปทรงไปทันที เรื่องนี้ทำให้ท่านกังวลในอานุภาพของอภิญญาจิตในตัวท่านเป็นอย่างมาก ท่านจึงต้องฝึกอบรมจิตใจของท่านให้หนักขึ้นไปอีกเพื่อหาวิธีควบคุมอานุภาพ

โดยคุณ ferluci (3.4K)  [พฤ. 26 ก.พ. 2558 - 23:43 น.] #3588682 (4/9)
เหล่านี้ไว้ ขณะเดียวกันท่านก็ได้ใช้วิชาอาคมไปในทางต่างๆอยู่เสมอ อย่างเช่นวิชา ผูกพยนต์ ที่ท่านเสกหุ่นนั้นขลังนัก เพราะพวกหัวขโมยที่จะมาลักวัวของท่านนั้น ไม่เคยมีโอกาสจะเข้าบ้านของท่านได้เลย เพราะมาเฝ้ารอโอกาสเข้าไปลักวัวทีไร ก็จะเห็นมีแต่คนเดินไปเดินมาอยู่ในบ้านทั้งคืน จนเอาไปร่ำลือกันทั้งบางว่าคนในบ้านของท่าน กลางคืนทำอะไรกันอยู่ทั้งคืนก็ไม่รู้ ไม่ยอมหลับไม่ยอมนอนกัน ทั้งๆที่จริงแล้วทุกคนในบ้านของท่านนั้นนอนหลับกันหมด หรือย่างวิชามหาเสน่ห์ของท่านนั้นก็มีความแรงเป็นเลิศเพราะก่อนที่หลวงปู่จะมาบวชครั้งที่สองนั้น ท่านมีภรรยาสาวๆมามากมายหลายคน ภรรยาของท่านแต่ละคนนั้นทั้งสาวและสวยจนพวกหนุ่มๆวัยรุ่นต้องอิจฉาทีเดียว ส่วนวิชาทางด้านคงกระพันมหาอุดนั้นต้องถือว่าไม่เป็นสองรองใคร เพราะลูกศิษย์ที่ท่านลงอาคมให้ไปนั้น ได้กลายเป็นนักเลงหนังเหนียว และกลายเป็นเสือปล้นจนถูกตำรวจล้อมยิงแต่ก็ยิงไม่เข้า เรื่องเหล่านี้ทำให้หลวงปู่นาคท่านเสียใจและเบื่อหน่ายทางโลก จึงได้อุปสมบทอีกครั้งหนึ่งในวันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๖ ณ.วัดอินทาราม ต.ช่องสาริกา อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี โดยมีพระครูโอภาสพัฒนาภรณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระบู่เป็นกรรมวาจาจารย์ พระจัน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ แล้วได้มาอยู่จำพรรษาที่วัดช้าง(กุญชร) ต.บ้านหลวง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี จากนั้นก็ไปอยู่วัดสฎางค์ ต.ท่าเจ้าสนุก อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา แล้วย้ายมาอยู่วัดหนองพันเรือ เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ.๒๕๓๔ หลังจากที่หลวงพ่อตาบวัดมะขามเรียงมรณภาพได้เพียง ๒ ปี

โดยคุณ ferluci (3.4K)  [พฤ. 26 ก.พ. 2558 - 23:45 น.] #3588683 (5/9)


(N)
ตอนที่๓

จากบทความตอนที่ ๑ มีผู้อ่านหลายๆท่านอาจจะใจร้อน ไม่รออ่านในตอนที่ ๒ หรืออ่านกันแต่การพาดหัวคอลัมน์ ไม่อ่านเก็บเนื้อความโดยละเอียด จึงสอบถามเข้ามากันมากมายว่าว่าหลวงปู่นาคนั้นเป็นน้องแท้ๆของหลวงพ่อตาบหรือ? ผู้เขียนจึง จึงขอเน้นย้ำตรงนี้อีกครั้งว่าท่านเป็นลูกพี่ลูกน้องกับหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง โดยหลวงปู่นาคมีศักดิ์เป็นน้อง (อายุน้อยกว่าหลวงพ่อตาบ ๓ ปี) และปู่นวมพี่ชายแท้ๆของหลวงปู่นาคก็เป็นทั้งลูกพี่ลูกน้องและเพื่อนรักของหลวงพ่อตาบ อยู่ร่วมแก๊งนักเลงกันมาตั้งแต่หนุ่ม จนกระทั่งหลวงพ่อตาบได้เป็นเจ้าอาวาสวัดมะขามเรียง จึงตั้งให้ปู่นวมเป็นไวยาวัจกรคู่ใจ ทั้งหลวงพ่อตาบ ปู่นวม และหลวงปู่นาคนั้น เมื่อตอนหนุ่มๆสนิทกันมาก ขนาดแม่ชีดี วัดป่าธรรมโสภณ น้าของหลวงปู่นาคได้ยกที่นา ๒๙ ไร่ให้หลวงปู่นาคซึ่งขณะนั้นอยู่ในเพศฆราวาส แต่หลวงปู่นาคเห็นว่าไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร จึงยกที่ดังกล่าวถวายให้หลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียงไป มากไปกว่านั้นเมื่อเร็วๆนี้ผู้เขียนได้ข้อมูลจากลูกของย่าถนอม สินคำคูณ (นามสกุลเดิม ขาวสะอาด) พี่สาวคนโตของหลวงปู่นาคมาว่า คุณแม่ทองคำ ขาวสะอาด แม่ของหลวงปู่นาคยังเป็นแม่บุญธรรมของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียงอีกด้วย ส่วนตัวย่าถนอมเองเมื่อออกเรือนไปแล้ว แต่กลับมาบ้านที่บ้านหนองพันเรือคราวใด หลวงพ่อตาบก็จะใช้ให้คนมาตามไปนั่งคุยกับท่านตลอด

และหลังจากที่บทความทั้งสองตอน ได้ออกสู่สายตาของสาธารณะชนไปแล้ว ปรากฏว่าตะกรุดหนังเสือรุ่นแรกของหลวงปู่นาคที่ได้จัดสร้างขึ้นจำนวน ๓๒๔ ดอกก็หมดลง ไม่เพียงพอกับความต้องการ ทำให้เกิดการเช่าหาเปลี่ยนมือกันขึ้นไปสูงถึงดอกละสองพันแล้ว เหตุเพราะมีผู้ได้รับประสบการณ์หลากหลายหลังจากเช่าตะกรุดไป โดยมีบางคนบูชาตะกรุดแล้วถูกหวย และบางคนกินเหล้าแล้วเมาโวยวายจนถูกพวกเอาขวดตีหัว ขวดแตก แต่หัวไม่แตก เรื่องหนังเหนียวนี้แปลกเพราะตัวของหลวงปู่เองก็หนังเหนียวมากเช่นกัน เมื่อหลายวันก่อน ท่านหกล้มหัวฟาดพื้นจนหัวโนเท่าผลส้ม แต่ก็ไม่แตก จนเกิดอาการปวดอักเสบ หมอถึงกับบอกว่าเหนียวแบบนี้ให้หัวแตกเอาเลือดที่คลั่งออกไปเสียยังดีกว่า (พวกหมอเคยจะฉีดยาให้ท่านก็ฉีดไม่เข้า ถ้าท่านไม่ยอมให้ฉีด) เนื่องจากตะกรุดของหลวงปู่มีประสบการณ์มากมายเช่นนี้ พวกที่รู้ข่าวต่างก็มุ่งตรงไปบูชาที่วัดทันที แต่ก็ต้องเสียใจเพราะตะกรุดหมดลงไปแล้ว จึงไปขอร้องให้หลวงปู่สร้างวัตถุมงคลออกมาอีก โดยบอกกับท่านว่า...ต่อไปนี้หากมีวัตถุมงคลของท่านออกมา จะรีบมาบูชาทันที เพราะกลัวจะพลาดแบบครั้งนี้

โดยคุณ ferluci (3.4K)  [พฤ. 26 ก.พ. 2558 - 23:46 น.] #3588685 (6/9)


(N)


ล่าสุดหลวงปู่ท่านจึงออกพระสมเด็จหลังหนังเสือรุ่นแรกออกมา ๙๙๙ องค์(มีโค๊ดและหมายเลขกำกับยากต่อการปลอมแปลง) ให้บูชาองค์ละ ๓๙๙ บาทแทนตะกรุดที่หมดลง เพื่อจะได้เพียงพอกับความต้องการของผู้ที่ศรัทธา อีกทั้งยังออกปลัดขิกรุ่นแรกอีกด้วยเช่นกัน โดยสร้างเพียง ๓๐๐ ตัว (มีโค๊ดทุกตัว) ให้บูชาตัวละ ๑๙๙ บาทให้ด้วย ปลัดขิกนี้พวกลูกศิษย์เรียกว่าปลัดขิกปุ้มปุ้ย (ตามรูปทรง) ปลัดขิกของหลวงปู่นาคนั้นทรงอานุภาพเข้มขลังในทางแคล้วคลาด คงกระพัน เมตตามหานิยม ค้าขายดียิ่งนัก จึงเป็นที่รอคอยของลูกศิษย์ทั่วไปมานานแล้ว แต่ท่านไม่ยอมสร้างเป็นทางการสักที ในสมัยก่อนผู้ที่จะได้ครอบครองปลัดขิกของหลวงปู่ฯ มีเพียงแต่ญาติๆและผู้ใกล้ชิดที่ท่านรู้จักนิสัยใจคอดีเท่านั้น ท่านจะไม่ยอมมอบปลัดขิกให้ใครง่ายๆ เพราะปลัดขิกของท่านนอกจากจะทรงอานุภาพดังกล่าวแล้ว ยังมีอานุภาพทางเจ้าชู้มหาเสน่ห์เป็นอย่างสูงด้วย เล่ากันว่าวิชาการทำปลัดขิกและเสือของหลวงปู่นาคเป็นวิชาที่หลวงปู่ย้อยหรืออดีตหมอย้อยโยมพ่อของหลวงปู่ได้เรียนมาจากหลวงพ่อนก วัดสังกะสีและหลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก (ลูกศิษย์หลวงพ่อปาน วัดคลองด่าน) ในสมัยที่หลวงปู่ย้อยบวชเป็นพระครั้งแรก ตอนนั้นหลวงพ่อทั้ง๒ได้นำลูกศิษย์ของท่านเดินธุดงค์ไปนมัสการรอยพระพุทธบาทที่สระบุรีแล้วผ่านมา ทำให้หลวงปู่ย้อยได้มีโอกาสกราบนมัสการและติดตามคณะของท่านไป จึงได้วิชามามากมายหลายอย่าง ต่อมาหลวงปู่ย้อยได้ถ่ายทอดวิชาทั้งหมดให้หลวงปู่นาคซึ่งเป็นลูกชาย นอกจากนี้หลวงปู่ย้อยยังได้นำวิชาของท่านแลกเปลี่ยนกับวิชาอื่นๆของหลวงพ่อนอ จนฺทสโร ต่อมาหลวงพ่อนอได้นำวิชาปลัดขิกกับเสือนี้ไปสร้างชื่อเสียงจนโด่งดังเมื่อครั้งที่เป็นเจ้าอาวาส วัดสามเรือน อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา และในภายหลังเมื่อหลวงพ่อนอ ถูกอาราธนามาเป็นเจ้าอาวาสวัดกลาง อ.ท่าเรือ แล้ว ท่านจึงนำวิชาเสือมาสร้างตะกรุดหนังเสือจนโด่งดังขึ้นมาอีก ทั้งหมดนี้จึงเป็นที่มาว่าทำไม..ลูกศิษย์ที่รู้ความเป็นมาจึงต้องการทั้งปลัดขิกและตะกรุดหนังเสือของหลวงปู่นาคเป็นอย่างมาก เพราะที่แท้จริงแล้ววิชาของหลวงปู่นาคก็คือวิชาเดียวกันกับที่หลวงพ่อนอ วัดกลาง อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยาใช่ทำวัตถุมงคลจนโด่งดังนั่นเอง

โดยคุณ ferluci (3.4K)  [พฤ. 26 ก.พ. 2558 - 23:49 น.] #3588686 (7/9)


(N)
สมเด็จหนังเสือ

โดยคุณ ferluci (3.4K)  [พฤ. 26 ก.พ. 2558 - 23:50 น.] #3588687 (8/9)


(N)
นอกจากวิชาเสือและปลัดขิกแล้วหลวงปู่ย้อยท่านยังเชี่ยวชาญในวิชาหมอทางไสยศาสตร์ เพราะท่านเป็นหมอรักษาถอดถอนคุณไสย์ด้วยมีดหมอที่ท่านเรียนมาจากหลวงพ่อเทศ วัดสระทะเล อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งเป็นพระอาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทตำรามีดหมอให้หลวงพ่อเดิม (หลวงพ่อเทศนี้ท่านเป็นชาวอยุธยาอพยพไปอยู่พยุหะคีรี ได้รับการถ่ายทอดวิชาทำมีดหมอมาจากหลวงพ่อขำ วัดเขาแก้ว หลวงพ่อขำ วัดเขาแก้วก็เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อเฒ่ารอด แห่งวัดหนองโพธิ์ ส่วนหลวงพ่อเฒ่ารอดเป็นลูกศิษย์ใครนั้นไม่อาจทราบได้ รู้เพียงว่าท่านเป็นชาวอยุธยาที่อพยพไปอยู่พยุหะคีรีเมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยาแตก) ดังนั้นวิชามีดหมอของหลวงปู่ย้อนั้นจึงไม่แตกต่างอะไรกับมีดหมอของหลวงพ่อเดิม แต่อุปเท่ห์การใช้ของหลวงปู่ย้อยนั้นเหนือชั้นกว่าใคร เพราะในบางคราวที่ท่านลืมนำมีดหมอไปด้วย ท่านจะวานให้ชาวบ้านช่วยหาไพลมาให้ เมื่อได้ไพลแล้วท่านจะหักเป็นแง่ง นำไพลมาเสกให้เป็นดังมีดหมอใช้รักษาคน วิชามีดหมอนี้หลวงปู่ย้อยได้ถ่ายทอดสู่หลวงปู่นาคด้วยเช่นกันและถือว่าเป็นวิชาเอกของหลวงปู่นาควิชาหนึ่งด้วยทีเดียว เพราะหากใครเป็นคนช่างสังเกตเวลาไปกราบหลวงปู่นาคจะเห็นได้ว่าหลวงปู่ท่านจะพกมีดหมอติดตัวตลอดเวลา ถ้าใครไปขอให้ท่านลงกระหม่อมให้ หลวงปู่นาคท่านจะใช้มีดหมอนี้เขียนยันต์บนกระหม่อมแทนดินสอหรือปากกา ลูกศิษย์ที่เห็นต่างอยากได้มีดหมอเล่มนี้กันทั้งนั้น มีหลายคนเคยเอ่ยปากขอทำบุญกับท่าน แต่ท่านไม่ให้เพราะกลัวว่าหากให้ใครไปสักคน ลูกศิษย์คนอื่นอาจจะต่อว่าท่านว่าลำเอียง ท่านจึงแก้ปัญหาโดยการจัดสร้างมีดหมออกมาให้ทุกคนได้มีโอกาสบูชาทั่วถึงกัน โดยจัดสร้างขึ้นพร้อมแท่นบูชา ๒๐๐ ชุด ออกให้บูชาชุดละ ๒,๒๙๙ บาท มีโค๊ดและหมายเลขกำกับทุกเล่ม (ใบยาว ๗ นิ้ว รวมด้ามยาว ประมาณ ๑๓ นิ้ว)

สรุปว่าตอนนี้หลวงปู่นาคท่านออกพระสมเด็จหนังเสือ ปลัดขิก และ มีดหมอ มาให้บูชาแล้วครับ หากท่านใดศรัทธาที่จะบูชาก็เดินทางไปบูชาที่วัดหนองพันเรือได้เลย ในขณะเดียวกันทางวัดกำลังเปิดให้จองเหรียญนะฤๅชารุ่นแรกของท่านเนื่องในวาระครบอายุ ๑๐๑ ปีอยู่พอดี จะได้จองไปในคราวเดียวกันเลย รีบๆจองกันนะครับ เหรียญนี้ต่อไปเล่นหากันแพงแน่ๆ เหรียญสวยเหมือนหลวงปู่นาคมากๆ ส่วนยันต์ก็ขลังสุดๆ นะฤๅชานี้ แม้กระทั่งหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่ายังใช้มาตลอด

โดยคุณ แมนลพบุรี (1.1K)  [ศ. 27 ก.พ. 2558 - 23:55 น.] #3589242 (9/9)

!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!


Copyright ©G-PRA.COM