ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : ้เหรียญ นะฤาชารุ่นแรก หลวงปู่นาควัดหนองพันเรือ สระบุรี



(N)


ร่วมสร้างรูปหล่อหลวงปู่นาค ขนาดเท่าองค์จริง
ณ วัดหนองพันเรือ สระบุรี
รายการจัดสร้างไม่มาก ครับ ตอนนี้บ้างรายการใกล้หมดแล้ว

โดยคุณ คนเมืองอุทัย (9)  [จ. 16 มี.ค. 2558 - 09:37 น.]



โดยคุณ คนเมืองอุทัย (9)  [จ. 16 มี.ค. 2558 - 09:38 น.] #3598472 (1/10)


(N)


ชุดกรรมการ เหรียญเงินลงยาเลือกสีไม่ได้นะครับ แต่ถ้าใครจองครบ 3 ชุด จะจัดไห้ครบ 3 สี

โดยคุณ คนเมืองอุทัย (9)  [จ. 16 มี.ค. 2558 - 09:43 น.] #3598475 (2/10)


(N)


กำหนดรับวัตถุมงคล 1 พฤษภาคม 2558
เลื่อนจากเดิม วันที่ 8 มีนาคม เนื่องจากตอนปั้มเหรียยบ็อกเกิดแตก เลยต้องทำบ็อกใหม่ทำไห้ล่าช้า
เหรียญที่บ็อกแตก เราเปิดไห้บูชาด้วยใน ราคาเหรียญละ 3000 บาท
มีเหรียญทองแดงไม่ตัดปีกจำนวน 10 เหรียญ
เหรียญทองเหลืองไม่ตัดปีก จำนวน 10 เหรียญ

โดยคุณ คนเมืองอุทัย (9)  [จ. 16 มี.ค. 2558 - 09:43 น.] #3598476 (3/10)


(N)
หลวงปู่นาค เดิมชื่อบุญนาค เกิดเมื่อวันที่ ๑ กันยายน พ.ศ.๒๔๕๗ ปีขาล(เสือ) ที่ตำบลไผ่ขวาง อำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี เป็นบุตร หมอย้อย กับ นางทองคำ นามสกุล ขาวสะอาด มีอาชีพทำนาทำไร่ แต่หลวงปู่นาคในวัยเด็กนั้นได้ไปเติบโตใช้ชีวิตอยู่ทางอำเภอนครหลวงจังหวัดอยุธยา บริเวณใกล้ๆวัดพระนอนและวัดโพธิ์ลอย เพราะหมอย้อยผู้เป็นบิดาได้ไปอยู่ทางบ้านมารดาที่นั่น และเนื่องจากมีบิดาเป็นหมอเรืองอาคม ทำให้หลวงปู่นาคในตอนนั้นได้ซึมซับวิชาอาคมต่างๆจากการเป็นลูกมือช่วยพ่อรักษาคนมาโดยไม่รู้ตัว จนโตขึ้นมาเป็นหนุ่มได้บวชและร่ำเรียนพุทธาคมกับหลวงพ่อปลอด วัดพระนอนศิษย์เอกหลวงพ่อดำ วัดละมุด ผู้สร้างท้าวเวสสุวรรณ ซึ่งเป็นหนึ่งในเบญจภาคี สุดยอดเครื่องรางของอำเภอนครหลวงอันโด่งดังนั่นเอง นอกจากนั้นหลวงปู่นาค ยังได้เรียนวิชากับหลวงพ่อปุย วัดโพธิ์ลอย ลูกศิษย์ของหลวงปู่รอด วัดสามไถ ผู้เป็นรุ่นพี่ของหลวงพ่อกลั่นวัดพระญาติ และเจ้าของตำรับวิชาเบี้ยหอยโข่งอันโด่งดัง

โดยคุณ คนเมืองอุทัย (9)  [จ. 16 มี.ค. 2558 - 09:45 น.] #3598479 (4/10)
เมื่อหลวงปู่นาคบวชเรียนเป็นเวลาอันพอสมควรแล้ว หมอย้อยผู้เป็นบิดาได้ย้ายครอบครัวกลับมายังภูมิลำเนาของตนที่ตำบลไผ่ขวาง หลวงปู่นาคจึงต้องลาสิกขาบทมาช่วยบิดามารดาทำนา ระหว่างนี้เองที่หลวงปู่นาคในเพศฆราวาสได้ติดตามพี่ชายคือปู่นวมไปคลุกคลีกับหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ( เนื่องด้วยปู่นวมซึ่งพี่ชายของท่านนั้น เป็นทั้งลูกพี่ลูกน้องและเพื่อนที่ตายแทนกันได้ของหลวงพ่อตาบทีเดียว โดยก่อนบวชนั้นทั้งสองคนต่างก็เป็นนักเลงด้วยกันทั้งคู่ ) ทำให้หลวงปู่นาคกับหลวงพ่อตาบในวัยหนุ่มนั้นสนิทกันมาก เพราะต่างก็ชอบทดสอบและแลกเปลี่ยนวิชาอาคมกัน ก่อนที่หลวงพ่อตาบจะหันไปสนใจในการศึกษากรรมฐานแบบมหาสติปัฏฐาน ส่วนหลวงปู่นาคนั้นก็ได้ไปมีครอบครัว ทำการเกษตรและเป็นหมอตามรอยของหมอย้อยผู้เป็นพ่อ โดยมิอาจทิ้งกรรมฐานและวิชาอาคมที่ได้ร่ำเรียนมาถึงแม้ว่าท่านจะมีครอบครัวแล้วก็ตาม ทุกคืนก่อนนอน ท่านจะไหว้พระสวดมนต์ ทบทวนวิชาต่างๆเพราะต้องใช้ในทางหมออยู่ตลอด เมื่อเวลาผ่านไปนับสิบๆปี ยิ่งทำให้วิชาของท่าน ทรงความเข้มขลังมากขึ้นทุกวัน ถึงขนาดบางวันในขณะที่ท่านกำลังนั่งพักเหนื่อยอยู่ใต้ร่มไม้ หลังจากที่ท่านได้ขุดดินปลูกต้นไม้ต้นไร่อยู่เงียบๆคนเดียวจนจิตใจเกิดเป็นสมาธิขึ้นมา แล้วสายตาของท่านเผลอไปเพ่งมองที่ใบจอบ ใบเสียม ทำให้ ใบจอบใบเสียมซึ่งเป็นเหล็กเกิดแดงวาบขึ้นมา แล้วอ่อนตัวเสียรูปทรงไปทันที เรื่องนี้ทำให้ท่านกังวลในอานุภาพของอภิญญาจิตในตัวท่านเป็นอย่างมาก ท่านจึงต้องฝึกอบรมจิตใจของท่านให้หนักขึ้นไปอีกเพื่อหาวิธีควบคุมอานุภาพเหล่านี้ไว้ ขณะเดียวกันท่านก็ได้ใช้วิชาอาคมไปในทางต่างๆอยู่เสมอ อย่างเช่นวิชา ผูกพยนต์ ที่ท่านเสกหุ่นนั้นขลังนัก เพราะพวกหัวขโมยที่จะมาลักวัวของท่านนั้น ไม่เคยมีโอกาสจะเข้าบ้านของท่านได้เลย เพราะมาเฝ้ารอโอกาสเข้าไปลักวัวทีไร ก็จะเห็นมีแต่คนเดินไปเดินมาอยู่ในบ้านทั้งคืน จนเอาไปร่ำลือกันทั้งบางว่าคนในบ้านของท่าน กลางคืนทำอะไรกันอยู่ทั้งคืนก็ไม่รู้ ไม่ยอมหลับไม่ยอมนอนกัน ทั้งๆที่จริงแล้วทุกคนในบ้านของท่านนั้นนอนหลับกันหมด หรือย่างวิชามหาเสน่ห์ของท่านนั้นก็มีความแรงเป็นเลิศเพราะก่อนที่หลวงปู่จะมาบวชครั้งที่สองนั้น ท่านมีภรรยาสาวๆมามากมายหลายคน ภรรยาของท่านแต่ละคนนั้นทั้งสาวและสวยจนพวกหนุ่มๆวัยรุ่นต้องอิจฉาทีเดียว ส่วนวิชาทางด้านคงกระพันมหาอุดนั้นต้องถือว่าไม่เป็นสองรองใคร เพราะลูกศิษย์ที่ท่านลงอาคมให้ไปนั้น ได้กลายเป็นนักเลงหนังเหนียว และกลายเป็นเสือปล้นจนถูกตำรวจล้อมยิงแต่ก็ยิงไม่เข้า เรื่องเหล่านี้ทำให้หลวงปู่นาคท่านเสียใจและเบื่อหน่ายทางโลก จึงได้อุปสมบทอีกครั้งหนึ่งในวันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๖ ณ.วัดอินทาราม ต.ช่องสาริกา อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี โดยมีพระครูโอภาสพัฒนาภรณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระบู่เป็นกรรมวาจาจารย์ พระจัน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ แล้วได้มาอยู่จำพรรษาที่วัดช้าง(กุญชร) ต.บ้านหลวง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี จากนั้นก็ไปอยู่วัดสฎางค์ ต.ท่าเจ้าสนุก อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา แล้วย้ายมาอยู่วัดหนองพันเรือ เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ.๒๕๓๔ หลังจากที่หลวงพ่อตาบวัดมะขามเรียงมรณภาพได้เพียง ๒ ปี

โดยคุณ คนเมืองอุทัย (9)  [จ. 16 มี.ค. 2558 - 09:46 น.] #3598482 (5/10)


(N)
สามารถสั่งจองได้ตามศูนย์ พระเครื่องชั้นนำทั่วไป
สอบถาม 081-9949451 (หนึ่ง)

โดยคุณ araiva (685)  [จ. 16 มี.ค. 2558 - 12:47 น.] #3598567 (6/10)
ไลค์พระเครื่อง ยินดีให้บริการครับผม

https://www.facebook.com/LikeAmuletShop


โดยคุณ araiva (685)  [จ. 16 มี.ค. 2558 - 12:48 น.] #3598568 (7/10)


(N)
.

โดยคุณ SUKITSUNG (634)  [จ. 16 มี.ค. 2558 - 12:52 น.] #3598584 (8/10)

โดยคุณ jumongj (18.6K)  [จ. 16 มี.ค. 2558 - 14:21 น.] #3598656 (9/10)
สุดยอดครับ

โดยคุณ จี๊ดสะพานใหม่ (197)  [อ. 17 มี.ค. 2558 - 23:24 น.] #3599607 (10/10)

!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!


Copyright ©G-PRA.COM