กระดานข่าว www.g-pra.com : แสดงรายละเอียดในกระทู้

ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : ยอดเกจิเมืองระยองหลวงพ่อสิน วัดละหารใหญ่ เมตตารับนิมนต์ร่วมปลุกเสกเสกเหรียญหลวงพ่อรวย วัดมาบตาพุด

(N)

#ประชาสัมพันธ์
💥#อีกสุดยอดเกจิเมืองระยอง #หลวงพ่อสิน เเห่งวัดละหารใหญ่
#เมตตารับนิมนต์ร่วมปลุกเสกเหรียญเจริญพรฉลองเลื่อนสมณศักดิ์ #หลวงพ่อรวยวัดมาบตาพุด จ.ระยองเรียบร้อย สำหรับงานปลุกเสกครั้งนี้รับรองจะเป็นการรวมกันของบูรพาจารย์เเห่งเเดนบูรพาเเน่นอน #วันที่29เม.ย2560นี้ที่วัดมาบตาพุด ท่านอยู่ใกล้อย่าลืมมาร่วมงานเสกน่ะครับ
#มีเหรียญเเจกให้กับผู้ร่วมพิธี
#ติดตามข้อมูลข่าวสารได้ใน1)เฟสกลุ่มเสมารุ่นเเรกหลวงพ่อรวย วัดมาบตาพุด เเละ2)เฟสกลุ่มพลังศรัทราหลวงพ่อรวยวัดมาบพุด

โดยคุณ thanapol_25 (2.3K)

[จ. 20 มี.ค. 2560 - 21:14 น.]

โดยคุณ thanapol_25 (2.3K)

[อ. 21 มี.ค. 2560 - 05:47 น.] #3803999 (4/5)

ประวัติหลวงปู่หิน วัดหนองสนม# พระอาจาร์ยของ หลวงพ่อรวย วัดมาบตาพุด

#คัดลอกบทความมาจาก เพจ "นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว"

......มีพระรูปหนึ่งที่ หลวงปู่ทิม มักเล่าให้ผมฟังอยู่เสมอว่า มีวัดหนึ่งซึ่งเรียกว่า “วัดหนองสนม” มี “ท่านพ่อหิน” เป็นเจ้าอาวาส ท่านเล่าว่า...หลวงพ่อหิน เป็นพระที่หลวงพ่อสังข์เฒ่า บวชให้ โดยมี หลวงพ่อแอ่ววัดป่าประดู่เป็นพระกรรมวาจาจารย์ได้รับฉายาว่า “ถาวโร” หลังจากที่บวชแล้ว ท่านได้จำพรรษาอยู่ที่วัดทับมาประมาณ พ.ศ. 2449

.......หลวงพ่อหิน ท่านได้เล่าเรียนวิชาอาคมต่างๆ จาก หลวงพ่อสังข์เฒ่า เนื่องจากอุปนิสัยของหลวงพ่อหินนั้นท่านเป็นคนดื้อและแข็งกร้าว เป็นคนอยากลองดี โดยเหตุที่พระอุปัชฌาย์ ของท่านเป็นพระที่ดุมาก มีระเบียบวินัยจัด ใครทำผิดวินัยแล้ว หลวงพ่อสังข์เฒ่าจะต่อว่าและดุด่าทีนที คนไหนที่ท่านดุด่าแล้วไม่รู้จักจำ ท่านจะไล่ออกจากนอกวัดทันทีแต่หลวงพ่อหินท่านไม่กลัวหลวงพ่อสังข์เฒ่า ดุก็ดุไปถ้าท่านไม่ทำผิดวินัยซะอย่าง

.......เวลาวัดมีงานท่านก็ออกมาช่วยอะไรที่ไม่ดี ท่านก็ทำให้ดีขึ้น คาถาอาคมที่ตนเองเล่าเรียนมา ถ้าไม่รู้ท่านจะรีบถาม “หลวงพ่อสังข์เฒ่า” ทันทีจึงทำให้หลวงพ่อสังข์เฒ่าท่านรักหลวงพ่อหินมาก และก็ได้ถ่ายทอดวิชาต่างๆ ให้หลวงพ่อหินจนหมด

.......หลวงปู่ทิม ได้เล่าว่า หลวงพ่อหินมีวิชาคงกระพันสูง สามารถปลุกเสกผ้าและหมากพลูให้เป็นสัตว์ต่างๆได้สมัยที่ท่านไปกราบหลวงพ่อหินที่วัดหนองสนม ได้สนทนาธรรมกับหลวงพ่อเคยเอ่ยถามหลวงพ่อหินว่า “เรื่องคาถาอาคมนั้นมีจริงหรือไม่? และท่านพ่อมีความเชื่อในด้านคาถาที่เกี่ยวกับเสกของให้เป็นสัตว์นั้นเป็นจริงหรือ?”

.......หลวงพ่อหิน ได้ฟังเช่นนั้นท่านก็ไม่ตอบได้แต่ยิ้ม สักพักหนึ่งท่านก็กวักมือทำเป็นเรียกตัวอะไรให้ออกมาจากใต้โต๊ะ ปรากฏว่าเป็นลูกหนูตัวหนึ่ง ซึ่งท่านเอามือเคาะที่พื้นเบาๆ ลูกหนูตัวนั้นก็วิ่งไปที่มือของท่านหลวงปู่ทิมเห็นเช่นนั้นก็มองดู สักพักหนึ่งปรากฏว่าลูกหนูที่อยู่ในมือหลวงพ่อหินกลายเป็นเส้นด้ายขดหนึ่ง

.......ท่านมองหลวงปู่ทิมและพูดว่า “คาถาอาคมที่เราถืออยู่ทุกวันนี้ ถ้าคิดว่าเป็นจริงมันก็จริง แต่คนที่จะทำถึงขั้นนี้ได้ ต้องฝึกจิตมาเป็นอย่างดี” ซึ่งครั้งหนึ่ง “หลวงปู่ทิม” ก็เคยเสกผ้าให้เป็น “กระต่าย” กระโดดโลดเต้นให้ลูกศิษย์เห็นต่อหน้า “หลวงปู่แก้ว” มาแล้ว ซึ่งผมและโยมสาย แก้วสว่าง ก็อยู่ในเกตุการณ์วันนั้นด้วย

.......หลวงพ่อหิน ท่านสร้างวัตถุมงคลได้ขลังมาก เหรียญของท่านเยี่ยมยอดในด้านคงกระพัน ส่วนรูปหล่อของท่านก็หนักไปในด้านคงกระพันเช่นกัน จนคนในระยองต่างพูดเป็นเสียงเดียวว่า “ใครมีรูปหล่อของหลวงพ่อหินไม่มีวันหรอกที่จะเสียเลือดให้แก่ใคร” แสดงถึงว่า ถ้าใครคล้องเหรียญหรือรูปหล่อของท่านเชื่อขนมกินได้เลยว่า “แมลงวันไม่มีโอกาสได้ตอมเลือดอย่างแน่นอน”

.......อีกวิชาหนึ่งที่ หลวงปู่ทิม” เคยไปเรียนกับ “หลวงพ่อหิน” นั้นคือวิชาทำสีผึ้งเมตตา และหลังจากนั้นหลวงปู่ฯ ก็ได้ศึกษาเพิ่มเติมในสมุดโบราณที่จารึกโดย “หลวงพ่อสังข์เฒ่า” สีผึ้งของหลวงปู่ทิม ท่านทำได้ขลังและวิเศษมาก
หากกล่าวถึงพระเครื่องวัตถุมงคล เชื่อได้ว่าประชาชนชาวไทยที่มีความเคารพศรัทธาในพุทธคุณแห่งวัตถุทางธรรมนี้ ต่างต้องพยายามแสวงหามาไว้ในการครอบครองเพื่อเป็นที่พึ่งที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ และใช้ระลึกถึงคุณแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ปกป้องคุ้มครองแก่ผู้เป็นเจ้
าของ ดังนั้นพระเครื่องวัตถุมงคลที่ดีสักหนึ่งชุด จึงมีความหมายและมีคุณค่าเป็นอย่างมากสำหรับผู้ที่เชื่อถือและศรัทธาในด้านนี้ และเมื่อไม่นานมานี้เองได้เกิดกระแสนิยมสำคัญ เกี่ยวกับวัตถุมงคลชุดหนึ่งในแถบภาคตะวันออก ซึ่งหลังจากมีแนวคิดการจัดสร้างได้ไม่นาน ปรากฏว่ามีประชาชนในแถบพื้นที่และบริเวณใกล้เคียงต่างเข้าจับจองวัตถุมงคลดังกล่าวอย
่างล้นหลาม ในแต่ละวันมียอดการสั่งจองจนเป็นปรากฏการณ์สำคัญที่หาได้ยากยิ่งในปัจจุบัน โดยวัตถุมงคลที่กล่าวมานี้ คือ “เหรียญเสมารุ่นแรก พระครูสุขุมธรรมธาดา ที่ระลึกฉลองครบรอบ 82 ปี” หรือที่ประชาชนในแถบพื้นที่รู้จักกันในชื่อ เหรียญเสมา รุ่นแรก หลวงพ่อรวย วัดมาบตาพุด ซึ่งด้วยเหตุผลอันใดที่พระเครื่องวัตถุมงคลชุดนี้จึงมีกระแสการตอบรับจากประชาชนชาวร
ะยอง และดินแดนภาคตะวันออก ในระยะเวลาอันรวดเร็วถึงเพียงนี้ ผู้เขียนจะขอนำพาให้แฟนๆนิตยสารศักดิ์สิทธิ์ได้มีโอกาสมารู้จักกัน
พระครูสุขุมธรรมธาดา หรือ หลวงพ่อรวย อคฺคสาโร เจ้าอาวาสแห่งวัดมาบตาพุด พระผู้ซึ่งปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เป็นพระนักพัฒนา อีกทั้งยังเป็นศูนย์รวมทางจิตใจของพุทธศาสนิกชนชาวมาบตาพุด จังหวัดระยอง และเป็นที่เคารพศรัทธาของประชาชนโดยทั่วไป หลวงพ่อรวย ท่านเกิดเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ปี พ.ศ. 2477 ณ บ้างทุ่นโตนด ตำบลเนินพระ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง มีจำนวนพี่น้องรวมกันทั้งสิ้น 9 คน หลวงพ่อท่านเป็นชาวระยองตั้งแต่กำเนิด ในวัยฉกรรจ์ท่านได้มีโอกาสเข้ารับราชการทหาร ตามหน้าที่ของลูกผู้ชายไทย หลังจากปลดประจำการเป็นที่เรียบร้อย ประกอบกับเป็นช่วงอายุครบบวช ท่านจึงได้ตัดสินใจเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ ในวันที่ 8 มิถุนายน ปี พ.ศ. 2501 ณ พัทธสีมาวัดเนินพระ ตำบลเนินพระ จังหวัดระยอง โดยมี พระครูวิจารณ์ธรรมกิติ หรือหลวงปู่หิน วัดหนองสนม เป็นพระอุปัชฌาย์ มีพระปลัดกิมหลง วัดโขดทิมธาราม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระสมุห์ฉอ้อน วัดเนินพระ เป็นพระอนุสาวนาจารย์
เดิมทีหลวงพ่อท่านมีความปรารถนาที่จะขออุปสมบทเป็นเวลาเพียง 2 พรรษา แต่คงเป็นด้วยเพราะบุญญาบารมี และจะได้เป็นหน่อเนื้อแห่งพุทธองค์ผสมกับมหากุศลในเคยสร้างไว้ในครั้นอดีตกาล จึงทำให้หลวงพ่อท่านบังเกิดความซาบซึ้งในรสแห่งพระธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อันเป็นเหตุให้ท่านครองสมณเพศ และเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจของชาวบ้านอยู่เรื่อยมาจวบจนถึงปัจจุบัน ในกาลแรกท่านได้จำพรรษาอยู่ที่วัดเนินพระ ต่อมาได้ย้ายมาจำพรรษาอยู่ที่วัดมาบตาพุด ปี พ.ศ. 2504 และได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส ในปี พ.ศ. 250<

หลวงพ่อรวย แห่งวัดมาบตาพุดท่านนี้ เป็นศิษย์สายตรงของพระครูวิจารณ์ธรรมกิติ หรือที่สาธุชนรู้จักกันในนาม หลวงปู่หิน วัดหนองสนม ยอดพระเกจิคณาจารย์ผู้เรืองเวทย์แห่งจังหวัดระยอง ซึ่งกิตติศัพท์คำร่ำลือด้านพระเวทย์นี้ เรียกได้ว่าเข้มขลังเป็นยิ่งนักโดยเฉพาะด้านคงกระพันชาตรี ถึงขนาดที่ว่าหากใครมีวัตถุมงคลของหลวงปู่หินไว้ติดตัว เชื่อกันว่า “ไม่มีวันเสียเลือดให้ใคร แม้แต่แมลงวันก็ไม่มีโอกาสได้ตอมเลือด” ด้วยเพราะท่านได้รับการถ่ายทอดวิทยาคมมาจากหลวงปู่สังข์เฒ่า วัดเก๋งจีน ปรมาจารย์ผู้เรืองเวทย์แห่งจังหวัดระยองและเป็นปู่แท้ๆของหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ เทพเจ้าแห่งภาคตะวันออก อีกที
หลวงพ่อรวย แห่งวัดมาบตาพุด ท่านเองก็ได้รับความเมตตาจากหลวงปู่หิน วัดหนองสนม ในการถ่ายทอดสรรพวิชาพระคาถาอาคมเช่นเดียวกัน อาจกล่าวได้ว่าท่านเป็นศิษย์ร่วมสำนักเดียวกับหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ โดยวิชาที่หลวงพ่อรวยท่านได้รับการถ่ายทอดนั้น มีได้แก่ วิชาแป้งเจิมมหามงคล รวมถึงวิชาการทำสีผึ้งเมตตา ซึ่งเป็นวิชาเดียวกันกับที่หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ได้รับการถ่ายทอดและทดสอบวิชาจากหลวงปู่หิน จนหลวงปู่ทิมท่านได้กล่าวยกย่องและเคารพศรัทธาในมหาพุทธาคมของหลวงปู่หินเป็นอย่างมา
ก จึงนับได้ว่าวิชาอาคมที่ถูกถ่ายทอดจากหลวงปู่หินนี้ ได้สร้างพลังแห่งความเคารพศรัทธาให้กับลูกศิษย์ลูกหา และประชาชนที่นับถือในตัวหลวงพ่อรวยเป็นอย่างยิ่ง
หลวงพ่อรวย ท่านได้ให้ความเมตตาในการสัมภาษณ์กับผู้เขียนว่า ครั้งหนึ่ง ในปี พ.ศ. 2509 ท่านเองเคยได้รับนิมนต์ให้ ไปร่วมพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคล ร่วมกับ หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ หลวงปู่บุญ วัดบ้านนา หลวงพ่อหอม วัดชากหมาก และพระคณาจารย์เรืองเวทย์แห่งยุครูปอื่นๆ อีกมากมาย ที่วัดบ้านเก่า จังหวัดระยอง ซึ่งเหตุนี้เอง ผู้เขียนจึงเชื่อได้ว่าหลวงพ่อรวยท่าน นับเป็นพระคณาจารย์ผู้เข้มขลังในสรรพวิชา เป็นเนื้อนาบุญที่มีความน่าเลื่อมใสศรัทธาอย่างยิ่งไม่แพ้พระเกจิอื่นๆในยุคปัจจุบัน
นี้

ภาพประจำกลุ่ม
*

กลุ่ม : เจ้าของสวน
โพสต์ : 11
เป็นสมาชิกเมื่อ : 18-July 14
หมายเลขสมาชิก : 4,694

ด้านจริยวัตรของหลวงพ่อรวยนั้น เป็นไปด้วยความงดงามยิ่งนัก ท่านเป็นพระอริยสงฆ์ที่มีความเมตตาเป็นอย่างมาก ท่านจะให้การต้อนรับกับประชาชนทุกหมู่เหล่าที่แวะเวียนเข้าไปกราบไหว้ท่าน ประดุจดั่งลูกหลานของตน และท่านมักจะแสดงธรรมอันประเสริฐ รวมทั้งให้การแนะนำอบรมสั่งสอนแก่ลูกศิษย์ลูกหา เพื่อให้นำคำสั่งสอนอันดีงามแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปปฏิบัติเป็นเครื่อง
นำทางในการดำเนินชีวิตตามครรลองแห่งคุณธรรม หรือแม้แต่กิจการงานพัฒนาวัดมาบตาพุด ท่านก็ให้ความใส่ใจในทุกรายละเอียด แม้อายุของท่านจะล่วงเลยไปตามสังขาร แต่กลับไม่เป็นอุปสรรคในการรังสรรค์งานของพระศาสนาแต่อย่างใด หลวงพ่อท่านจะคอยเดินสำรวจตรวจตรา ควบคุมงานบูรณะปฏิสังขรณ์ศาสนสถานและถาวรวัตถุทุกเช้าค่ำอย่างใกล้ชิด ซึ่งนับไว้ว่าการทุ่มเทงานเพื่อวัดมาบตาพุด ชุมชน สังคมและพระศาสนาของหลวงพ่อท่านน่าเลื่อมใสเป็นยิ่งนัก ซึ่งหากจะหาพระอริยสงฆ์แบบหลวงพ่อรวยในกาลสมัยนี้ คงหาได้ยากยิ่ง
สำหรับ “วัดมาบตาพุด” แห่งนี้ นับเป็นศาสนสถานที่มีความสำคัญของจังหวัดระยองแห่งหนึ่ง เป็นวัดในสังกัดมหานิกาย ที่มีความเก่าแก่มาแต่ครั้งโบราณ หลวงพ่อรวยท่านได้กล่าวว่า วัดแห่งนี้สร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อประมาณ ปี พ.ศ. 2444 ซึ่งตรงกับสมัยรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เดิมที่นั้นยังมิได้เป็นวัด หากแต่เป็นสำนักสงฆ์ที่ตั้งอยู่ในบริเวณป่า บริเวณสวน ห่างไกลความเจริญ ต่อมาภายหลังได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม ปี พ.ศ. 2498 และนับตั้งแต่หลวงพ่อรวยท่านได้เข้ามาดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาส ด้วยเหตุที่ท่านเป็นพระนักพัฒนา จึงทำวัดมาบตาพุดนี้มีความเจริญจากเมื่อก่อนเป็นอันมาก ด้วยแนวคิดและความสามารถของหลวงพ่อ ประกอบกับความเลื่อมใสจากญาติโยมพุทธบริษัท ที่เคารพศรัทธาในบารมีของหลวงพ่อ จึงทำให้วัดมาบตาพุดจากเดิมที่เป็นแต่เพียงวัดเล็กๆ กลับกลายเป็นวัดที่มีอาณาเขตพื้นที่กว่า 20 ไร่ ในปัจจุบัน จากถาวรวัตถุต่างๆ ภายในวัดที่ชำรุดทรุดโทรม ก็กลับมามีสภาพคงเดิม งดงาม เป็นที่ยังประโยชน์ให้แก่พระภิกษุ และพุทธศาสนิกชนที่เข้ามาสักการะ ทำบุญต่างๆ อีกทั้งหลวงพ่อยังส่งเสริมสนับสนุนการศึกษาพระธรรมวินัยให้กับพระภิกษุ สามเณร และประชาชนที่ที่มีความสนใจในพระธรรมอันประเสริฐขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จนทำให้วัดมาบตาพุด กลายเป็นวัดที่มีความเจริญและมีชื่อเสียงขจรขจายเป็นที่รู้จักของคนในพื้นที่และประช
าชนโดยทั่วไป
และด้วยจริยวัตรอันงดงามของหลวงพ่อรวย แห่งวัดมาบตาพุดนี้ ที่ท่านมีความเมตตาต่อประชาชนทุกหมู่เหล่า ปฏิปทาที่น่าเคารพศรัทธา รวมไปถึงกิตติศัพท์ล่ำรือถึงพุทธคุณในตัวหลวงพ่อรวย อันหาได้ยากยิ่งในปัจจุบัน จึงทำให้มีผู้คนเป็นจำนวนมากมาย ต่างแวะเวียนเข้ามากราบไหว้หลวงพ่อกันอย่างไม่ขาดสาย และแม้ในหลายครั้งจะมีการร้องขอจากลูกศิษย์ลูกหาให้หลวงพ่อเมตตาจัดสร้างวัตถุมงคลขอ
งท่านเพื่อไว้ให้ประชาชนที่เคารพศรัทธาในตัวหลวงพ่อได้มีโอกาสบูชาพกติดตัวเป็นเครื่อ
งยึดเหนี่ยวทางจิตใจในการประกอบคุณงามความดี แต่หลวงพ่อรวยเอง ท่านกลับเป็นพระที่นอบน้อมถ่อมตน และดำเนินจริยวัตรด้วยความเรียบง่าย มิได้ยึดติดกับลาภ ยศ สรรเสริญแต่อย่างใด ท่านกล่าวเพียงว่า “ท่านเองนั้น มิได้เด่นดัง หรือมีบารมีเหมาะสมที่จะสร้างวัตถุมงคลของตัวท่านเอง ไว้ให้ถึงกาลอันเหมาะสมจึงค่อยหารือกันอีกที” ด้วยเหตุนี้จึงทำให้วัดมาบตาพุดน

!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!